นมถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการบริโภค เช่น ผู้แพ้นมวัว แต่ขั้นตอนการทำนมถั่วเหลืองแบบดั้งเดิมกลับมีความยุ่งยากซับซ้อน การซื้อตามร้านทั่วไปมาบริโภคก็อาจไม่สามารถควบคุมคุณภาพและความสะอาดได้ ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่ บริษัท เคทูเอ็น มาร์เก็ตติ้ง โซลูชัน จำกัด เล็งเห็น จึงเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองธรรมดาให้มีความโดดเด่นในรสชาติที่แตกต่าง ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ ต้องการความสะดวกสบาย พกพาง่าย ชงได้ทั้งน้ำร้อนและเย็น และสามารถเก็บรักษาได้นานในรูปแบบนมถั่วเหลืองชนิดผงพร้อมชง ภายใต้แบรนด์ “Early Me”
ใช้เทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์
คุณละไมพร ศรีใจ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เคทูเอ็น มาร์เก็ตติ้ง โซลูชัน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเน้นเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป ให้คงไว้ซึ่งคุณค่าของสารอาหารและรสชาติตามธรรมชาติ จุดเริ่มต้นของการทำนมถั่วเหลือง Early Me เนื่องจากเห็นว่านมถั่วเหลืองเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับคนทั่วไปและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ แต่นมถั่วเหลืองที่จำหน่ายตามท้องตลาดยังมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำตาล จึงได้คิดนำเอาเทคโนโลยีการเติม Enzyme (ประเภทเดียวกับที่มีอยู่ในร่างกาย ช่วยย่อยแป้งให้มาเป็นน้ำตาล ทำให้นมถั่วเหลืองมีรสชาติกลมกล่อมขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาล) และนำเอากระบวนการแปรรูปแบบ Spray Dry มาใช้เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เป็นผงละเอียด เมื่อนำมาชงดื่มจะละลายง่ายทั้งในน้ำร้อนและน้ำเย็น เก็บรักษานมถั่วเหลืองได้นานขึ้นโดยคุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง วัตถุดิบที่บริษัทเลือกใช้เป็นถั่วเหลืองออร์แกนิกนำเข้าจากมองโกเลีย ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
คุณละไมพร กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของบริษัทได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GMP, HACCP, Organic, Halal และมีตราสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” จากกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ผู้บริโภคสามารถดื่มได้อย่างมั่นใจ โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นโรงพยาบาลและโรงแรมที่นำไปใช้เป็นอาหารทางเลือกให้กับผู้ป่วยและนักท่องเที่ยว จึงเน้นการจำหน่ายแบบ B2B (Business to Business) แต่การจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้ากลุ่มโรงแรมก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยว จึงเริ่มจับตลาดกลุ่มลูกค้าที่เป็น B2C (Business to Customer) ให้มากขึ้น เพื่อจะได้เข้าถึงผู้บริโภค เริ่มจากการแนะนำสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์ม E-Commerce ชั้นนำ
“จุดเด่นของเราคือ มีการทำ R&D (Research & Development) วิจัยและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มรสชาติใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีในท้องตลาด เช่น กุหลาบสีชมพู นมถั่วเหลืองผสมขิง รักษาคุณภาพให้คงที่ ซึ่งลูกค้าจะมีฝ่าย Audit มาตรวจสอบคุณภาพสินค้าและวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ” คุณละไมพร กล่าว
ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ
คุณละไมพร กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเริ่มจากออกงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติอย่างงาน ThaiFex เข้าร่วมโครงการอบรมธุรกิจของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนได้รับคำสั่งซื้อสินค้าล็อตแรกจากลูกค้าประเทศซาอุดีอาระเบีย จากการเข้าร่วมโครงการ Business Matching กับ EXIM BANK และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ซึ่งตลาดนี้ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีผู้บริโภคกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพและเผชิญปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) จำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจจะขยายตลาดส่งออกไปประเทศอื่นในแถบเอเชียอีกด้วย
การสนับสนุนจาก EXIM BANK
คุณละไมพร กล่าวว่า บริษัทเป็นลูกค้า EXIM BANK มาอย่างยาวนาน และได้รับการสนับสนุนในหลายด้าน โดยเฉพาะโครงการจับคู่ธุรกิจที่เปิดโอกาสให้เข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ อย่างมั่นใจ โดยปัจจุบันบริษัทกำลังเตรียมใช้บริการประกันการส่งออกของ EXIM BANK เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับคู่ค้าใหม่และในตลาดส่งออกใหม่ ๆ และในอนาคตมีแผนขอใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้น
|
|
|