การเปิดตลาดส่งออกสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะในโลกการค้าไร้พรมแดนที่มีอินเทอร์เน็ต
เป็นตัวเชื่อม ทำให้การติดต่อค้าขายง่ายแค่ปลายนิ้ว แต่การจะได้คู่ค้าที่ดีก็เป็นการเสี่ยงดวง โดยเฉพาะผู้ส่งออกรายใหม่ที่อาจยัง
ขาดประสบการณ์และต้องเริ่มต้นด้วยการลองผิดลองถูก

          คุณวิไลยพรรณ วาณิชเศรษฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าจอมวานิช จำกัด SMEs ผู้ผลิตและส่งออกสเปรย์ระงับ
กลิ่นกาย
บอกเล่าประสบการณ์การขยายตลาดไปต่างประเทศครั้งแรกว่า บริษัทเห็นโอกาสทางการตลาดในการผลิตสินค้าตอบสนอง
ความต้องการของผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นกาย โดยเริ่มจากการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น แต่ก็เห็นว่าสินค้าในกลุ่มนี้
เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้มองการขยายตลาดออกไปในต่างประเทศ

          “บริษัทเริ่มต้นส่งออก ด้วยการค้นหารายชื่อคู่ค้าในต่างประเทศและเข้าร่วมงานสัมมนาที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐ จนมีผู้ซื้อชาวจีน
ติดต่อซื้อสินค้ามาเป็นรายแรก ด้วยความระมัดระวังจึงได้ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ซื้อชำระเงินล่วงหน้า (Advance Payment) แต่ผู้ซื้อก็ตั้งเงื่อนไข
กลับมาจนพบความผิดปกติ” คุณวิไลยพรรณ กล่าว

          ความผิดปกติที่คุณวิไลยพรรณจับได้คือ การที่ผู้ซื้อปลายทางขอให้บริษัทเดินทางไปเซ็นสัญญาที่จีน และขอให้ชำระค่าดำเนินการ
เอกสาร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะได้รับชำระเงินค่าสินค้าทั้งหมด ในท้ายที่สุดการเจรจา
การค้าเพื่อส่งออกครั้งแรกก็ล้มเหลว และมาสืบทราบได้ในภายหลังว่า ผู้ซื้อชาวจีนรายนั้นเป็นมิจฉาชีพ ทำให้ได้รับบทเรียนว่า
เกือบถูกหลอกเพราะไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้จักผู้ซื้อ และไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่น

          หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คุณวิไลยพรรณยังพยายามค้นหาคู่ค้าในต่างประเทศต่อไป แต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งพบว่า
มีอีเมลสแกมเมอร์ (Scammer) หรือการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ติดต่อมาเพื่อสั่งซื้อสินค้าอีกหลายครั้ง แต่บริษัทมีบทเรียนแล้ว และ
สังเกตได้ว่าอีเมลไหนเป็น Scammer ก็จะไม่เปิดอ่านเลย ซึ่งการที่เจออีเมล Scammer หลาย ๆ ครั้งทำให้บริษัทแข็งแกร่งและ
มีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ

          ต่อมามีผู้ซื้อในอินเดียซึ่งถือเป็นผู้ซื้อในตลาดใหม่ที่ผู้ส่งออกไทยยังไม่คุ้นเคย ได้ส่งอีเมลมาสั่งซื้อสินค้าของบริษัทมูลค่า
1.56 ล้านบาท จึงได้ตกลงเจรจาและจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างรัดกุม แต่หลังจากที่ส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อในอินเดียตามข้อตกลงแล้ว
กลับได้รับการแจ้งจากผู้ซื้อว่าขอยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากภาษีนำเข้าสูงและยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรับมอบ
สินค้า ทำให้ต้นทุนค่าสินค้าสูงขึ้น จึงปฏิเสธการรับมอบสินค้า บริษัทพยายามเจรจาต่อรองให้ผู้ซื้อรับสินค้าตามสัญญาที่ตกลงกันไว้
แต่ได้รับการปฏิเสธ

          จากประสบการณ์ครั้งก่อนและความระมัดระวังในการทำธุรกิจ ทำให้ครั้งนี้คุณวิไลยพรรณไม่ได้รับความเสียหายจากการปฎิเสธ
ชำระเงินค่าสินค้าของผู้นำเข้าชาวอินเดีย เพราะก่อนส่งออกได้ทำประกันการส่งออกกับ EXIM BANK ไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยง

          ดังนั้น เมื่อบริษัทถูกผู้ซื้อในอินเดียปฏิเสธการรับมอบสินค้า จึงได้ปรึกษากับ EXIM BANK เพื่อหาทางจัดการกับสินค้าที่ส่งออก
ไปแล้ว โดยติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาผู้ซื้อรายใหม่ในอินเดีย แต่ไม่มีผู้ซื้อรายใดรับซื้อสินค้าดังกล่าว สุดท้าย
บริษัทจึงจำเป็นต้องเลือกวิธีการทิ้งสินค้าซึ่งเป็นแนวทางที่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับการนำสินค้ากลับประเทศไทย และ
บริษัทได้รับค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในครั้งนี้จาก EXIM BANK สูงถึง 90% ซึ่งครอบคลุมทั้งต้นทุนการผลิตและค่าดำเนินการ
จัดส่งสินค้าทั้งหมด

          เป้าหมายของการส่งออกแต่ละออเดอร์ที่ผู้ส่งออกคาดหวัง ย่อมเป็นการได้รับชำระเงินจากผู้ซื้อในต่างประเทศ แต่การเปลี่ยนแปลง
ของโลกที่เกิดขึ้นทุกขณะ ทำให้รูปแบบการค้าระหว่างประเทศเปลี่ยนไป ปัจจุบันการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศทำได้ง่ายขึ้นด้วยการ
ส่งอีเมลพูดคุยหรือการค้าขายแบบออนไลน์ แต่ถ้าไม่มีการตรวจสอบหรือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจอาจจะเกิด
เหตุการณ์ไม่คาดคิด EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุนผู้ส่งออกไทยให้ค้าขายระหว่างประเทศได้อย่างมั่นใจ ด้วยบริการประกันการส่งออก
เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศที่ช่วยให้ผู้ประกอบการกล้าส่งออก กล้าให้เทอมการชำระเงินแก่คู่ค้า และมีอำนาจ
ต่อรองในการเจรจาตกลงค้าขายได้มากขึ้น ช่วยให้คนไทย “ส่งออกมั่นใจ ได้เงินแน่นอน”

  หน้าหลัก I คอลัมน์พิเศษ I บทความพิเศษ I Share โลกเศรษฐกิจ I เปิดประตูสู่ตลาดใหม่ I ส่องเทรนด์โลก
รู้ทันเกมการค้า 
I เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ I CEO Talk I แวดวงคู่ค้า I แนะนำบริการ  I สรุปข่าว