 |
|
ราคาน้ำมันดิบ Brent รายเดือน |
|
|
 |
|
ที่มา : U.S. Energy Information Administration |
|
|
 |
 |
|
ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่า โลกอาจต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และบางรายคาดว่าจะสูงถึง
100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในภาพรวมแล้วยังเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับขึ้นไม่รุนแรงนัก เนื่องจากสหรัฐฯ ได้เพิ่มแท่นขุดเจาะ
น้ำมัน และเพิ่มปริมาณการผลิต Shale Oil สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังมีการเก็บน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ที่สามารถนำมาใช้
ในกรณีฉุกเฉิน จึงเชื่อว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ จะมาทดแทนน้ำมันส่วนที่หายไปจากอิหร่านและเวเนซุเอลาได้ นอกจากนี้ ยังต้อง
ติดตามการตัดสินใจของรัสเซียและซาอุดีอาระเบียว่าจะผ่อนคลายมาตรการจำกัดปริมาณการผลิตหรือไม่ ซึ่งหากทั้งสองประเทศมีการ
เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นจริงก็จะมีส่วนช่วยทดแทนอุปทานน้ำมันดิบที่ลดลงได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อภาคธุรกิจมีความแตกต่างกันตามธรรมชาติของแต่ละธุรกิจ โดยธุรกิจที่มีโอกาส
กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้งหากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นมากและนานพอ คือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลาสติกชีวภาพ
สำหรับโอกาสและผลกระทบของแต่ละอุตสาหกรรมมีดังนี้ |
|
 |
|
+
+
+
+
+
+
+ |
ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน และในระยะสั้นจะมีกำไร
จากสต็อก
เชื้อเพลิงทดแทนน้ำมัน อาทิ เอทานอล และไบโอดีเซล คาดว่าจะได้รับผลดีจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทน
น้ำมัน รวมถึงสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบอย่างมันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมัน ก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย
ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน แม้ไทยจะมีแผนชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากธุรกิจพลังงานทดแทน แต่คาดว่า
หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานพอ หลายประเทศจะหันมาใช้มาตรการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการ
ลงทุนเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในหลากหลายรูปแบบ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจ
ดังกล่าว และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System)
รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์รุ่นประหยัดน้ำมัน มีโอกาสได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
พลาสติกชีวภาพ ซึ่งตอบโจทย์ด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีโอกาสกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง
หากราคาน้ำมันสูงถึงระดับที่ทำให้ราคาพลาสติกชีวภาพพอจะแข่งขันกับราคาพลาสติกทั่วไปที่ผลิตจากปิโตรเลียมได้
ยางพารา ราคายางพารามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคายางสังเคราะห์ที่ใช้วัตถุดิบจากปิโตรเลียม
ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน มีโอกาสได้รับผลดีจากผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามารับการรักษามากขึ้น หลังมีรายได้
จากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น |
|
 |
 |
|
-
-
- |
ธุรกิจเกษตรแปรรูป ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาปุ๋ย ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าขนส่ง ตลอดจน
การทำประมงที่ต้องใช้เรือประมงออกไปจับสัตว์น้ำ อีกทั้งยังต้องแย่งชิงวัตถุดิบกับกลุ่มพลังงานชีวมวล
ธุรกิจเหล็ก ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และผลกระทบทางอ้อมจากต้นทุนค่าขนส่ง เนื่องจาก
เป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
ธุรกิจสายการบิน ขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีต้นทุนน้ำมันเป็นสัดส่วนสูง จะต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น
|
|
 |
 |
|
อย่างไรก็ตาม ระดับความรุนแรงของผลกระทบต่อผู้ประกอบการในแต่ละธุรกิจขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและ
อำนาจในการปรับเพิ่มราคาจำหน่าย |
|
 |
 |
|
 |
|
•
• |
RBC Capital Markets วาณิชธนกิจของแคนาดา ระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย เวียดนาม
และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีสัดส่วนรายจ่ายค่าน้ำมันสูงถึง 8-9% ของรายได้ จะได้รับผลกระทบจากราคา
น้ำมันที่สูงขึ้นมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนรายจ่ายค่าน้ำมันเพียง 1-2% ของรายได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า จากสถิติในอดีต ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้น 10% จะทำให้ GDP
ขยายตัวลดลง 0.1% อีกทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้นทุก 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ยังส่งผลให้
ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยลดลงราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ |
|
 |
 |
 |
|
 |
|
นอกจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ยังมีอีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
ในอนาคต คือ มาตรการขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime
Organization : IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินทะเลต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปริมาณค่ากำมะถันไม่เกิน
0.5% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จากปัจจุบันที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3.5% ทั้งนี้ Morgan
Stanley คาดการณ์ว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น
ไปแตะที่ระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล |
|
|
 |
 |