 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นำคณะผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ดีและพลังของแผ่นดิน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง |
|
|
 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นำคณะผู้บริหาร EXIM BANK บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 และเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม 2563 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK จัดกิจกรรมจิตอาสาโครงการ “EXIM ร่วมใจ ขจัดภัยไข้เลือดออก”
โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 |
|
|
 |
 |
 |
|
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคม (CG & CSR) EXIM BANK นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาร่วมกับสำนักงานเขตพญาไท ภายใต้โครงการ “EXIM ร่วมใจ ขจัดภัยไข้เลือดออก” รณรงค์สร้างความตระหนักและร่วมมือป้องกันโรคไข้เลือดออกในเขตพญาไทในช่วงฤดูฝน พร้อมแจกทรายอะเบทกำจัดลูกน้ำยุงลายและยาทากันยุงให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK ออกผลิตภัณฑ์ช่วยธุรกิจ S และ M เน้นอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร
และเครื่องสำอาง ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของภาคส่งออกไทยในครึ่งหลังปี 63 |
|
|
 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา EXIM BANK เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากกิจกรรมการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการการเงินและการคลังเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง เพิ่มกำลังซื้อ และบรรเทาภาระหนี้ให้ภาคธุรกิจและประชาชน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2563 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 เป็นสำคัญ รวมทั้งผลที่จะตามมาเมื่อมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐทยอยสิ้นสุดลง |
|
|
 |
 |
 |
|
ด้านการส่งออก ในช่วงที่ผ่านมาไทยอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน เพราะสินค้าไทยหลากหลายและยืดหยุ่นค่อนข้างดี โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ไก่และสุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง ผักและผลไม้ และเครื่องปรุงรส ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยส่วนใหญ่แม้หดตัว แต่ไทยก็ยังมีศักยภาพและเป็นฐานการผลิตสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ อาทิ เครื่องปรับอากาศ เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง คาดว่าสินค้าเหล่านี้จะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว โอกาสการเติบโตของภาคส่งออกขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมถึงความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระเงินค่าสินค้าของผู้ซื้อ และความเสี่ยงด้านความผันผวนของค่าเงิน ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก ความไม่แน่นแน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ โดย EXIM BANK คาดการณ์ว่า มูลค่าส่งออกของไทยทั้งปี 2563 จะหดตัว 8-10%
ในครึ่งหลังปี 2563 EXIM BANK ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อช่วยผู้ปผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกแต่ละกลุ่ม
อุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจให้สามารถปรับปรับตัวรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและต่างประเทศได้
• บริการประกันการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการขนาดย่อม (EXIM for Small Biz) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปีหรือจ้างงานไม่เกิน 50 คน ที่เพิ่งเริ่มต้นส่งออก ไม่เคยใช้บริการประกันการส่งออก และมีแผนจะส่งออกมูลค่าไม่สูงนัก สามารถขออนุมัติวงเงินผู้ซื้อกับ EXIM BANK ตั้งแต่มูลค่า 100,000-500,000 บาท วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อรายผู้เอาประกัน
• สินเชื่อเอ็กซิมเสริมทุนธุรกิจขนาดกลาง (EXIM Amazing M Credit) เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง วงเงินสูงสุด 80 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3.75% ต่อปี
• สินเชื่อเอ็กซิมเสริมไทยเก่ง (EXIM Star Credit) เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับผู้ส่งออก SMEs ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. กลุ่มเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ 2. กลุ่มอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และ 3. กลุ่มเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติปรุงแต่งดูแลร่างกาย วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 4% ต่อปี กรณีส่งออกไป CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)
นอกจากนี้ EXIM BANK มีสินเชื่ออีกหลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกและนักลงทุนในซัพพลายเชนของการส่งออกสินค้าและบริการของไทยปรับเปลี่ยนหรือยกระดับกระบวนการผลิต เพิ่มมูลค่าธุรกิจ และแข่งขันได้ รวมทั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) ยังมีโครงการอบรมทางออนไลน์และกิจกรรมกลุ่มย่อย เพื่อช่วยเพิ่มทักษะความรู้ ข้อมูลข่าวสาร และจับคู่ธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยกับคู่ค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด CLMV ซึ่งยังมีความต้องการสินค้าและบริการของไทยอีกมาก
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้าง 126,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,317 ล้านบาท หรือ 18.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 35,665 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 90,836 ล้านบาท การปล่อยสินเชื่อของ EXIM BANK ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 85,834 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 29,227 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.05%
ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 EXIM BANK มีวงเงินสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 92,891 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 52,915 ล้านบาท จากจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อคงค้างให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกและลงทุนใน CLMV จำนวน 33,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.38% หรือ 2,854 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โควิด-19 ทำให้ความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 90,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,503 ล้านบาทหรือ 70.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรก EXIM BANK ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญทางการเงินในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก โดยพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ลูกค้าเป็นระยะเวลา 6 เดือน และออกมาตรการทั้งด้านสินเชื่อและประกันความเสี่ยงให้แก่ลูกค้า ซึ่ง 81% เป็นผู้ส่งออก SMEs ซึ่งมีความสามารถในการต้านทานปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้น้อย อาทิ ปริมาณคำสั่งซื้อลดลงจากเศรษฐกิจโลกซบเซา ความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าสูงขึ้น ภาคการผลิตหยุดชะงักจากการที่ซัพพลายเออร์หยุดการผลิตและไม่สามารถส่งวัตถุดิบมาได้ ธุรกิจขาดสภาพคล่อง ขณะที่เงินบาทมีทิศทางแข็งค่า ทำให้สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันด้านรารถส่คา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 EXIM BANK ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 4,600 ราย หรือประมาณ 15% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ วงเงินรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท
ผลดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2563 EXIM BANK มีกำไรก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นเท่ากับ 1,163 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) ซึ่งเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจภายนอกที่มีความเสี่ยงสูง และการกันสำรองตามเกณฑ์ TFRS 9 ที่เข้มงวดขึ้น ซึ่ง EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งแรกที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน กลุ่มเครื่องมือทางการเงิน (รวมถึง TFRS 9) ทำให้ธนาคารต้องกันสำรองตามเกณฑ์ TFRS 9 2,908 ล้านบาท บวกกับการกันสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นสำหรับงวดครึ่งแรกปี 2563 เท่ากับ 2,579 ล้านบาท รวมเป็น 5,487 ล้านบาท แต่เนื่องจาก EXIM BANK กันสำรองไว้สูงอยู่เดิม ทำให้งวดครึ่งแรกปี 2563 EXIM BANK ขาดทุนสุทธิเพียง 1,416 ล้านบาท
EXIM BANK มีการติดตามให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งควบคุมดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ EXIM BANK มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio) เท่ากับ 6.37% ณ 30 มิถุนายน 2563 เทียบกับระดับ 4.60% ณ สิ้นปี 2562 ขณะเดียวกัน EXIM BANK ใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 163.89%
“วิกฤตโควิด-19 เป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญว่า ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจไทยต้องพัฒนาและยกระดับห่วงโซ่อุปทานการผลิตครั้งใหญ่ให้สอดรับกับบริบทใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ทั้งกระแสการใส่ใจความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่จะมีมากขึ้น ตลอดจนความจำเป็นที่จะต้องเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า พัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์เพื่อตอบสนองกระแส Social Distancing และพฤติกรรม New Normal ที่เกิดขึ้นทั่วโลก EXIM BANK จึงพร้อมทำหน้าที่เติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ด้านเงินทุนและเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ที่จะใช้ดำเนินธุรกิจต่อไป รวมทั้งต่อยอดพัฒนากระบวนการผลิตและการบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เสริมสร้างภูมิต้านทานของธุรกิจไทย รองรับกับวิกฤตอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้” นายพิศิษฐ์กล่าว |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK จับมือ สพพ. สนับสนุนผู้ประกอบการไทย
ส่งออกและลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน |
|
|
 |
 |
 |
|
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ EXIM BANK และนางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ประธานกรรมการ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ สพพ. โดยมีนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สพพ. เป็นผู้ลงนาม เพื่อร่วมกันสนับสนุนทางการเงินและจัดกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการไทยด้านการส่งออก การลงทุน และการพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของทั้งสององค์กร ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK ร่วมกับ ไอซีบีซี สนับสนุนกลุ่มบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น
ลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 50 เมกะวัตต์ในเวียดนาม |
|
|
 |
 |
 |
|
EXIM BANK ร่วมกับไอซีบีซี (ไทย) และไอซีบีซี ฮานอย สนับสนุนทางการเงินจำนวน 38.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดฟูเยี้ยน ประเทศเวียดนาม
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมลงนามกับนายชื่อเฉียง หลิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงิน จำนวน 38.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ Thinh Long Phu Yen Solar Power Joint Stock Company ถือหุ้น 100% โดยกลุ่ม SUPER ที่จัดตั้งในเวียดนาม เพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จังหวัดฟูเยี้ยน เวียดนาม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
EXIM BANK ร่วมกับธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารไอซีบีซี ฮานอย ให้การสนับสนุนทางการเงินในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน สอดรับกับความต้องการของภาครัฐและเอกชนในประเทศเวียดนาม ภายหลังรัฐบาลเวียดนามเปิดเสรีด้านพลังงานทดแทนตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ โดยกำหนดเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบก้าวกระโดดจาก 850 เมกะวัตต์ในปี 2563 เป็น 12,000 เมกะวัตต์ภายใน 10 ปีข้างหน้า สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในอาเซียนและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน นำไปสู่การพัฒนาประเทศไทยและภูมิภาคอย่างยั่งยืน |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK จับมือ ไอซีบีซี สนับสนุน บีซีพีจี พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว
พร้อมร่วมมือ SMTBT สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น |
|
|
 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (บีซีพีจี) ร่วมลงนามกับ ดร.จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว และร่วมลงนามกับนายมานาบุ อิโนอุเอะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) (SMTBT) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 6,465.07 ล้านเยน (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ชิบะ 1 (Chiba 1) ในประเทศญี่ปุ่น ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563
ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ บีซีพีจี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทดแทนเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน โดยมี ไอซีบีซี (ไทย) และ ไอซีบีซี เวียงจันทน์ ร่วมให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด สำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป. ลาว กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของเวียดนาม และ สปป.ลาว ในการก่อสร้างสายส่งเชื่อมต่อชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศเวียดนาม โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และนโยบายรัฐบาล สปป. ลาว ในการเป็นแบตเตอรี่ของเอเชีย
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังร่วมกับ SMTBT ให้การสนับสนุนทางการเงิน จำนวน 6,465.07 ล้านเยน แก่บีซีพีจี สำหรับก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ชิบะ 1 (Chiba 1) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ EXIM BANK ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งสิ้นจำนวน 21,188.22 ล้านเยน (ประมาณ 6,150 ล้านบาท) เพิ่มเติมจากอีก 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โคมากาเนะ (Komagane) และ ยาบูกิ (Yabuki) กำลังการผลิตรวม 87 เมกะวัตต์ ภายใต้ความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่าง EXIM BANK SMTBT และธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ ประเทศญี่ปุ่น (SMTB) ในการพัฒนารูปแบบการสนับสนุนทางการเงินเป็นการเฉพาะร่วมกันเพื่อใช้กับโครงการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในประเทศญี่ปุ่นจนเป็น
ผลสำเร็จ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK หารือ JETRO กรุงเทพฯ แนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น |
|
|
 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับและพบปะหารือกับนายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธาน องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization : JETRO) สำนักงานกรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น โดยสอดคล้องกับผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนญี่ปุ่นในไทย ครึ่งแรกของปี 2563 รวมถึงมุมมองทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของบริษัทญี่ปุ่นต่อการค้าและการลงทุนในประเทศไทย ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK จับมือ สรท. ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่เวทีการค้าโลกอย่างเข้มแข็ง |
|
|
 |
 |
 |
|
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยระหว่าง EXIM BANK และ สรท. เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการทุกระดับตั้งแต่ SMEs ไปจนถึงรายใหญ่มีศักยภาพทั้งด้านเงินทุน เครือข่ายธุรกิจ และข้อมูลความรู้ รวมทั้งร่วมผลักดันโครงการประเมินศักยภาพธุรกิจส่งออกผ่านระบบประเมินความพร้อมผู้ส่งออก (Thailand Export Readiness Assessment & Knowledge Management : TERAK) ของ EXIM BANK โดยมีนายนพพร เทพสิทธา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สรท. ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
EXIM BANK ร่วมกับ DITP กระทรวงพาณิชย์ ส่งเสริมให้ SMEs ไทยส่งออก
ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com และ Klangthai.com |
|
|
 |
 |
 |
|
นางวรรธนา มงคลศรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ต้อนรับนายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ วิทยากรในงานสัมมนา หัวข้อ “Cross Border E-Commerce เพิ่มช่องทาง ปั้นยอดขาย ผ่านการค้าออนไลน์” จัดโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) ร่วมกับสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิตัล DITP เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงโอกาสและช่องทางส่งออกสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.thaitrade.com ภายใต้การดูแลของ DITP และ www.klangthai.com ซึ่งมุ่งเน้นตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และอาเซียน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ |
|
|
 |
 |
|
|
EXIM BANK จัดงานสัมมนาออนไลน์เสริมความรู้ผู้ประกอบการ SMEs
วางแผนธุรกิจส่งออกไปยังตลาดจีน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย |
|
|
 |
|