HIGHLIGHTS
          เศรษฐกิจหดตัวไม่รุนแรง : หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งประเมินตรงกันว่าเศรษฐกิจของทวีปแอฟริกาจะได้รับ
ผลกระทบจาก COVID-19 ไม่มากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ และมีโอกาสฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วในลักษณะ V Shape
         ยังมีความเสี่ยงการแพร่ระบาด : ด้วยข้อจำกัดด้านระบบสาธารณสุขจึงมีการตรวจผู้ติดเชื้อได้ไม่มาก ทำให้มีโอกาสที่จะมี
ผู้ติดเชื้อแต่ไม่ได้รับการตรวจซ่อนอยู่จึงมีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นในระยะถัดไปจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและ
การค้า
         ควรติดตามสถานการณ์ : แม้คาดว่าแอฟริกาจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่รุนแรง แต่ยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้น
ผู้ประกอบการไทยที่สนใจทำธุรกิจในแอฟริกาควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนวางแผนป้องกันความเสี่ยงทางการค้าอย่างรัดกุม

 
           ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แอฟริกาเป็นหนึ่งในทวีปที่ถูกประเมินว่าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงนัก ล่าสุด IMF คาดการณ์ GDP ของภูมิภาค Sub-Saharan Africa* ปี 2563 อยู่ที่ -3.2% ซึ่งเป็นระดับติดลบที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 3.4% ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในทวีปแอฟริกายังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นภายใต้ข้อจำกัดด้านสาธารณสุข ขณะที่หลายประเทศยังมีความเปราะบางด้านการคลัง ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจทำธุรกิจในแอฟริกา ควรติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดและปัจจัยแวดล้อมอย่างใกล้ชิด

*Sub-Saharan Africa หมายถึง กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาที่อยู่ใต้ทะเลทรายซาฮารา มีจำนวน 45 ประเทศ (ที่มา : IMF)
 
  ที่มา : IMF (มิ.ย. 2563)  
  10 ประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา  
           มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจจาก COVID-19 ของ Sub-Saharan Africa โดยรวมถือว่าค่อนข้างต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 4 มาตรการ/ประเทศ ขณะที่ภูมิภาคอื่นเฉลี่ยราว 10 มาตรการ/ประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ที่ยังไม่รุนแรง ประกอบกับข้อจำกัดด้านงบประมาณเป็นสำคัญ  
  ตัวอย่างนโยบายของแต่ละประเทศ  
           แม้หน่วยงานเศรษฐกิจหลายแห่งคาดการณ์ตรงกันว่าแอฟริกาได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ไม่มากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น แต่แนวโน้มเศรษฐกิจแอฟริกายังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่ยุติ ประกอบกับข้อจำกัดด้านระบบสาธารณสุข ทำให้แอฟริกามีความเสี่ยงที่อาจเกิดการแพร่ระบาดในระยะถัดไป ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและปรับแผนธุรกิจได้ทันท่วงที  
           จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่สูงมาก ผู้ติดเชื้อในแอฟริกามีจำนวนราว 3.7 แสนราย (ณ วันที่ 6 ก.ค. 2563) ต่ำเป็นอันดับ 2 รองจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (ที่มา : WHO)

         เศรษฐกิจหดตัวไม่รุนแรง และมีบางประเทศที่ยังขยายตัว หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งคาดการณ์ตรงกันว่า GDP ปี 2563 ของแอฟริกาจะติดลบไม่มากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น และฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติในปี 2564 ในลักษณะ V Shape

         ธนาคารกลางยังมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) แบบผ่อนคลายได้อีกมาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ธนาคารกลางของหลายประเทศในแอฟริกาจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว แต่ยังไม่ใช่ระดับต่ำสุด และยังสามารถลดได้อีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
  เป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะขยายตลาดสู่แอฟริกาในช่วงที่ตลาดอื่น ๆ ยังซบเซาจากผลกระทบของ COVID-19 เมื่อผนวกกับพื้นฐานของแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตและมีความต้องการสินค้าอีกมาก โดยเฉพาะแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตะวันตกซึ่งเศรษฐกิจของหลายประเทศในปี 2563 ยังขยายตัวในแดนบวกและกลับสู่ระดับปกติได้เร็วภายในปี 2564
 
           อัตราการตรวจผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่ได้รับการตรวจเป็นจำนวนมาก เช่น ภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกมีผู้ได้รับการตรวจไม่ถึง 1.2 หมื่นคน (จากประชากรรวม 400 ล้านคน) เทียบกับเยอรมนีมีผู้ได้รับการตรวจแล้วกว่า 5 แสนคน (ประชากร 84 ล้านคน) (ที่มา : Scientific American)

         งบประมาณด้านสุขภาพอยู่ในระดับต่ำ เป็นข้อจำกัดในการควบคุมและรักษาพยาบาล จนอาจทำให้การแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้าง รายจ่ายภาครัฐด้านสุขภาพของ Sub-Saharan อยู่ที่ 5.2% ของ GDP เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 9.9%
(ที่มา : World Bank )

         ภาคการคลังเปราะบาง เป็นข้อจำกัดในการใช้มาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ OECD คาดว่าหนี้ภาครัฐของแอฟริกาจะแตะระดับ 85% ของ GDP ในปี 2563 จาก 58% ในปี 2562
 
  สถานการณ์ COVID-19 ขยายวงกว้างจนบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปแอฟริกาควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะควรประเมินสถานะทางการเงินของคู่ค้า/ธนาคารผู้ซื้อ กำหนดเทอมการชำระเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ พร้อมทั้งป้องกันความเสี่ยงทางการค้าและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรัดกุม  
  สินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าจำเป็น และสอดรับกับสถานการณ์ COVID-19 เช่น กลุ่มสินค้าอาหาร (อาหารทะเลกระป๋อง) กลุ่มสินค้าสุขอนามัย (ถุงมือยาง)  
    Lockdown : ติดตามความคืบหน้าล่าสุดของการปิดประเทศเพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เช่น แอฟริกาใต้ยังปิดพรมแดนห้ามเดินทางเข้าออกประเทศ แต่ยกเลิก Lockdown แล้ว เคนยาเปิดพรมแดนเฉพาะนักธุรกิจ
เข้าออกได้และยกเลิก Lockdown
    Logistics : บริหารการขนส่งที่อาจใช้เวลานานขึ้นและมีต้นทุนสูงขึ้น
มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดทำให้มีการจำกัดการขนส่ง ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาและมีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
    Law and Regulation : ทำความเข้าใจกฎระเบียบและข้อบังคับ
ศึกษารายละเอียดกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าในช่วง COVID-19 ซึ่งอาจมีขั้นตอนการตรวจที่เพิ่มขึ้น หรือมีการห้ามนำเข้า
สินค้าบางประเภท
    Leverage & Risk Management : หาเครื่องมือช่วยขยายการค้าและบริหารความเสี่ยง
     • ใช้ช่องทางออนไลน์และ E-Marketplace ในการเจาะตลาด ซึ่งมีต้นทุนไม่สูงและตอบโจทย์เทรนด์การบริโภคในยุค Social Distancing
     • ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านการส่งออกและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กำหนดเทอมการชำระเงิน
ที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำประกันการส่งออก และซื้อ Forward Contract เป็นต้น
  Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
   
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   รู้ทันเกมการค้า
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว