ท่ามกลางแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในปัจจุบัน หลายหน่วยงานได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสร้างสมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้าย
และดุลการชำระเงินของประเทศไว้หลายวิธี โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งในช่วง
ทศวรรษที่ผ่านมาการลงทุนของไทยในต่างประเทศมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง และจะทวีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจมากขึ้นในฐานะ
เครื่องยนต์ใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศในระยะถัดไป โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

         1. เครื่องยนต์ใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (New Growth Engine) ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตจากภาคส่งออกและการลงทุน
ในประเทศเป็นหลัก แต่ระยะหลังเครื่องยนต์ดังกล่าวเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทายรอบด้านจนเริ่มแผ่วกำลังลง จึงจำเป็นต้องหา
แรงขับเคลื่อนใหม่มาเสริมทัพ หนึ่งในนั้นคือการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าและก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
(Middle Income Trap) บรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เช่นเดียวกับโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของหลายประเทศที่ใช้
การลงทุนในต่างประเทศเป็นเครื่องยนต์เสริมควบคู่กับเครื่องยนต์อื่น ๆ ในการยกระดับสู่ประเทศรายได้สูง เช่น เกาหลีใต้ส่งเสริมการลงทุน
ในต่างประเทศจนติด 1 ใน 10 ประเทศที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศสูงสุดของโลกและก้าวขึ้นเป็นประเทศรายได้สูงตั้งแต่ปี 2536
มาเลเซียออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นจนแซงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 2550 และมีส่วนช่วยให้รายได้ประชาชาติ
ต่อหัวขยายตัวก้าวกระโดด จนธนาคารโลกคาดว่ามาเลเซียจะเลื่อนชั้นเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2564

         2. ขุมทรัพย์แห่งใหม่ (New Source of Income) ปัจจุบันตลาดในประเทศเริ่มชะลอตัวจากข้อจำกัดหลายด้าน ส่งผลให้
ผู้ประกอบการไทยเริ่มออกไปแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทยปี 2561 พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนฯ ถึง 231 บริษัทที่ไปลงทุนในต่างประเทศแล้ว คิดเป็น 40% ของบริษัทจดทะเบียนฯ
ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น รายได้จากตลาดต่างประเทศของกลุ่มบริษัทดังกล่าวเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี แซงหน้ารายได้จากตลาดในประเทศ
ที่โตราว 9% ต่อปี (ปี 2559-2561) เช่นเดียวกับสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศต่อรายได้รวมก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 29% ในปี 2559 เป็น
31% ในปี 2561 จะเห็นได้ว่าตลาดต่างประเทศกำลังก้าวขึ้นมาเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่สร้างความเติบโตและความมั่งคั่งแก่ธุรกิจไทย
ในระยะถัดไป

         3. สปริงบอร์ดใหม่สู่นวัตกรรมและตลาด (New Springboard for Innovation & Market) ธนาคารโลกชี้ว่า การลงทุน
ในต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าซื้อกิจการ เป็นอีกหนึ่งสปริงบอร์ดหรือช่องทางลัดที่ช่วยให้เข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่
จากบริษัทที่เข้าไปลงทุนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อต่อยอดสู่การยกระดับธุรกิจและขยายตลาด เช่น กรณีบริษัท Lenovo ของจีนซื้อกิจการ
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ IBM ในปี 2548 เพื่อนำเทคโนโลยีของ IBM มาพัฒนาและต่อยอดจน Lenovo ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำ
ของตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กโลกในปัจจุบัน

         4. ทางด่วนสายใหม่ยกระดับ SMEs (New Highway to Upgrade SMEs) ปัจจุบันธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ
ขนาดใหญ่ ออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างฐานการผลิตและกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพ
เล็งเห็นโอกาสและเริ่มออกไปลงทุน ทั้งลงทุนเองและเข้าไปเชื่อมโยงในรูปแบบ Supply Chain กับรายใหญ่ที่ลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งเป็น
โมเดลธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ หากสามารถส่งเสริมและเพิ่มจำนวน SMEs ให้ออกไปต่างประเทศมากขึ้น จะเป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อน
ธุรกิจให้เติบโตและยกระดับสู่กิจการขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น ตลอดจนช่วยเสริมรากฐานและเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง เช่น
เกาหลีใต้ส่งเสริม SMEs ให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศอย่างจริงจัง จนปัจจุบัน SMEs มีสัดส่วนราว 50% ของการลงทุนในต่างประเทศ
ทั้งหมด

         5. เครื่องมือใหม่เสริมเสถียรภาพ (New Tool for Economic Stability) ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเผชิญสถานการณ์
เงินบาทแข็งค่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศจึงมีส่วนสร้างสมดุลของดุลบัญชี
เดินสะพัดและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ดังเช่นบางประเทศที่แม้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง แต่ค่าเงินกลับไม่ได้แข็งค่า เช่น ไต้หวัน
ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP เกินดุลถึง 11% ในปี 2562 แต่จากการที่ไต้หวันออกไปลงทุนในต่างประเทศสูงกว่าการลงทุนโดยตรง
จากต่างประเทศเกือบ 4 เท่า (ไทยอยู่ที่ 2.5 เท่า) เมื่อเสริมเข้ากับปัจจัยอื่น ๆ จึงมีส่วนช่วยให้เงินดอลลาร์ไต้หวันเฉลี่ยทั้งปีอ่อนค่าลง
2.4%

         การลงทุนในต่างประเทศนับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการไทย รวมถึงเป็นเครื่องยนต์ในการ
ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้น ทั้งนี้ การลงทุนในต่างประเทศอย่างยั่งยืนควรให้ความสำคัญและคำนึงถึงผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและกระจายรายได้แก่ชุมชนในพื้นที่ที่เข้าไปลงทุน เพื่อ
ร่วมกันเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
  Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  หน้าหลัก   I   Share โลกเศรษฐกิจ   I   เปิดประตูสู่ตลาดใหม่   I   รู้ทันเกมการค้า
เกร็ดการเงินระหว่างประเทศ   I   CEO Talk   I   แวดวงคู่ค้า   I   แนะนำบริการ   I   สรุปข่าว