โลกกับความเสี่ยงจากภัยคุกคามการก่อการร้าย  
   
            World Economic Forum 2015 (WEF 2015) เป็นเวทีการประชุมเศรษฐกิจระดับโลกที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้า
จากหลายประเทศมาหารือและแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตลอดจนเสนอแนะแนวทางในการกำหนด
นโยบายเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก ซึ่งในครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้
ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2558 โดยมีการเผยแพร่รายงานประจำปีภายใต้หัวข้อ “The Global
Risks 2015”
หรือ “ความเสี่ยงของโลกปี 2558” ซึ่งกล่าวถึงความเสี่ยงด้านต่างๆ ที่ประชาคมโลกอาจต้องเผชิญในปี
2558 สำหรับประเด็นที่น่าสนใจและถูกกล่าวถึงมากที่สุด คือ ภัยคุกคามที่อาจก่อให้เกิดวิกฤตโลกในอนาคต

          อะไรคือภัยคุกคามที่เป็นความเสี่ยงของโลกในปีนี้ ?
          “The Global Risks 2015” ระบุถึงความเสี่ยง 10 อันดับแรกที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาคมโลกที่มีโอกาสเกิดขึ้นมาก
ที่สุดในปี 2558 ได้แก่ 1) ความขัดแย้งระหว่างรัฐ 2) การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรง 3) ความล้มเหลวของการ
บริหารจัดการรัฐ 4) การล่มสลายหรือวิกฤตภายในรัฐ 5) ปัญหาการว่างงาน 6) ภัยพิบัติทางธรรมชาติ 7) ความล้มเหลวในการ
ปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 8) วิกฤตด้านทรัพยากรน้ำ 9) การจารกรรมข้อมูล และ 10) การโจมตีความมั่นคง
ทางสารสนเทศ เป็นที่น่าสังเกตว่า รายงานฉบับนี้เป็นรายงานฉบับแรกจากการสำรวจของ WEF ที่ได้บทสรุปออกมา
ว่าความขัดแย้งระหว่างรัฐเป็นภัยคุกคามอันดับสูงสุด
ต่างจากรายงานในปีก่อนๆ ซึ่งความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบมากที่สุด
ต่อประชาคมโลกมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เช่น ในปี 2557 WEF เปิดเผยว่าความเสี่ยงที่เป็นภัยคุกคามอันดับสูงสุด คือ
วิกฤตหนี้สินภาครัฐของประเทศเศรษฐกิจหลัก (สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น)
          ความขัดแย้งระหว่างรัฐที่เป็นภัยคุกคามอันดับสูงสุดในปีนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบในหลายประเทศ
โดยเฉพาะปัญหาการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครน จนลุกลามสู่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย
กับประเทศมหาอำนาจ การขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วของกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) ในอิรักและซีเรีย รวมทั้งการก่อความรุนแรง
ของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ อาทิ กลุ่มติดอาวุธ Boko Haram ในไนจีเรีย กลุ่มติดอาวุธ Al Shabaab ในโซมาเลีย รวมทั้งกลุ่ม
ติดอาวุธ Taliban ในอัฟกานิสถานและปากีสถาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์อันตรายที่เพิ่มมากขึ้นของโลก และทำให้
หลายประเทศเริ่มตื่นตัวกับการรักษาความปลอดภัยและสวัสดิภาพพลเมืองของตนมากขึ้น ส่วนที่เหลือเป็นความกังวล
เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยเฉพาะโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่านและเกาหลีเหนือที่
เป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อยาวนานมาหลายทศวรรษ
           แม้ความขัดแย้งระหว่างรัฐดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งจะเห็นได้ว่าในความเป็นจริงแล้ว
โลกของเราในปัจจุบันเชื่อมโยงทุกประเทศเข้าด้วยกันผ่านเครือข่ายการค้าการลงทุน ดังนั้น สถานการณ์โลกที่มีความขัดแย้ง
รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีวิกฤตยูเครนและการตอบโต้กลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งหากลุกลามบานปลายจนเกิดเป็นสงครามขึ้น ย่อมส่งผล
กระทบต่อสถานการณ์การค้าการลงทุนของโลก รวมทั้งของไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เราจึงควรติดตามสถานการณ์
ต่างๆ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและไม่ตื่นตระหนก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในกรณีต่างๆ ตั้งแต่กรณีที่
คาดว่าจะส่งผลกระทบเล็กน้อย เช่น การตอบโต้กันเป็นระยะของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้การส่งออกสินค้าไปยังประเทศ
ปลายทางมีความลำบากขึ้นเพราะต้องขนส่งผ่านประเทศที่สาม ไปจนถึงกรณีที่ส่งผลกระทบรุนแรง เช่น การเผชิญภัย
ก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการเกิดภาวะสงคราม ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์การค้าการลงทุนของโลกประสบภาวะ
ชะงักงันและเส้นทางการคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่ถูกตัดขาด จนส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ขณะเดียวกันภาคส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญและผู้ส่งออกอาจเผชิญความเสี่ยงจากการไม่ได้รับ
ชำระค่าสินค้า