พฤติกรรมผู้บริโภคและโอกาสของสินค้าไทยในบราซิล  
   
            เมื่อเอ่ยถึงตลาดบราซิล หลายท่านอาจยังไม่รู้สึกคุ้นเคยเท่ากับตลาดส่งออกหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
จีน หรือแม้กระทั่งอาเซียน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์การค้าในปัจจุบันที่การส่งออกไปตลาดส่งออกหลักเผชิญกับ
หลากหลายปัญหา อาทิ EU ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) กับสินค้านำเข้าจากไทย อีกทั้งจีนชะลอ
การนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงจากไทย หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของ
ไทย ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกไปตลาดหลัก การแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะบราซิลก็
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากบราซิลจะมีตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรสูงกว่า 200 ล้านคน มากที่สุด
ในลาตินอเมริกา และมากเป็นอันดับ 6 ของโลกแล้ว กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวบราซิลมีแนวโน้มสูงขึ้นตามเศรษฐกิจบราซิล
ที่คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1.8 ในช่วงปี 2558-2562 ขณะเดียวกันบราซิลยังมีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าไปสู่
ประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (MERCOSUR) ซึ่งประกอบด้วย
บราซิล อาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ปารากวัย และอุรุกวัย เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกัน
อีกทั้งบราซิลยังได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ Rio de Janeiro ในปี 2559 ที่คาดว่าจะมีส่วนช่วย
กระตุ้นการบริโภคในประเทศและเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบราซิล ซึ่งจะ
ผลักดันให้ตลาดสินค้าในบราซิลขยายตัวได้อีก
          “เก็บตกจากต่างแดน” ฉบับนี้จึงรวบรวมลักษณะเด่นและพฤติกรรมที่น่าสนใจของผู้บริโภคชาวบราซิล รวมถึงตัวอย่าง
สินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบราซิล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจจะส่งออกไปบราซิล มีรายละเอียดที่
น่าสนใจ ดังนี้

          ลักษณะเด่นและพฤติกรรมที่น่าสนใจของผู้บริโภคชาวบราซิล
          • ชาวบราซิลราว 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดอาศัยใน 5 เมืองสำคัญ โดยเฉพาะ Sao Paulo (ศูนย์กลางธุรกิจ
และการเงินของบราซิล) Rio de Janeiro (เมืองท่องเที่ยวสำคัญ) และ Brasilia (เมืองหลวงของบราซิล) ซึ่งชาวบราซิล
ที่อาศัยในเมืองสำคัญดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง มีทางเลือกในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลาย รวมทั้งเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงมักเลือกซื้ออาหารอินทรีย์ (Organic Food) และอาหารที่มีไขมันต่ำหรือ
ปราศจากไขมัน (Light or Fat-free Food) นอกจากนี้ การที่ชาวบราซิลทั้งชายและหญิงใส่ใจในการรักษาบุคลิกภาพของ
ตนและชื่นชอบการดูแลรูปลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ ทำให้ตลาดสินค้าเครื่องสำอาง อาทิ ครีมบำรุงผิว ครีมลบเลือนริ้วรอย
ครีมกันแดด และน้ำหอมระงับกลิ่นกาย มีโอกาสขยายตัวอีกมาก
 
  เมืองสำคัญ  
  ที่มา : www.cia.gov  
            • ชาวบราซิลนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอาหารมื้อกลางวันซึ่งชาวบราซิลถือว่าเป็นอาหาร
มื้อสำคัญ โดยนิยมออกไปรับประทานนอกบ้านตามร้านอาหารหรือภัตตาคารกับเพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว ทั้งนี้ ชาวบราซิล
ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่รับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยครั้งกว่าชาวบราซิลที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ และชนบทห่างไกลถึง
2 เท่า ร้านอาหารที่ชาวบราซิลนิยมมาก คือ ร้านอาหารแบบบริการตนเอง ซึ่งให้ลูกค้าตักอาหารและนำไปชั่งน้ำหนักเพื่อ
คิดราคา สำหรับร้านอาหารต่างชาติ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่นและร้านอาหารเกาหลีได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาว
บราซิล ขณะที่ร้านอาหารไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากมีจำนวนสาขาน้อย อย่างไรก็ตาม ความนิยมอาหารไทยเริ่มมี
ทิศทางดีขึ้น สังเกตได้จากร้านอาหารที่มีชาวเอเชียเป็นเจ้าของ หลายร้านนิยมนำรายการอาหารไทยเสริมไว้ในรายการ
อาหารหลัก โดยอาหารไทยที่ได้รับความนิยม คือ แกงเขียวหวานไก่ และต้มข่าไก่
          • การโฆษณาและขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์เป็นช่องทางการตลาดที่ทรงอิทธิพล Euromonitor เปิดเผยว่า
ปัจจุบันชาวบราซิลราว 80 ล้านคน หรือราวร้อยละ 40 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน อีกทั้ง
มีแนวโน้มหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น โดยคาดว่ายอดจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ของ
มูลค่าจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในปี 2559 เทียบกับปี 2555 ที่มียอดดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 5 ทั้งนี้ สินค้าที่ชาวบราซิลนิยมซื้อ
ผ่านอินเทอร์เน็ต อาทิ โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และแผ่น CD เพลงหรือภาพยนตร์ เว็บไซต์ที่ชาวบราซิล
นิยมใช้หาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า อาทิ www.Mercadolivre.com.br, www.Submarino.com.br และ www.Buscape.
com.br
          • ชาวบราซิลนิยมเลือกซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะ Walmart, Carrefour,
Extra และ Pão de Açúcar เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปโภคบริโภคหลายประเภท หลากหลายตราสินค้าให้เลือก
การเปรียบเทียบราคาและคุณภาพทำได้ง่าย อีกทั้งมีสาขาจำนวนมากทำให้สะดวกในการซื้อ ดังนั้น การหาลู่ทาง
วางจำหน่ายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค
ชาวบราซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          • ชาวบราซิลนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าจำนวนมากในช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ งานคาร์นิวัล (Carnival) ในช่วง
เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองสำคัญประจำปี โดยนิยมใช้เวลาร่วมฉลองกับครอบครัว
หรือเพื่อนสนิท รวมถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพราะเป็นช่วงที่ชาวบราซิลมีกำลังซื้อสูงสุดในรอบปีหลังได้รับเงินโบนัส
ประจำปี และเป็นช่วงที่ชาวบราซิลนิยมหยุดพักผ่อนเพื่อใช้เวลาว่างอยู่กับครอบครัวหรือเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้น การโฆษณา
สินค้าและวางจำหน่ายสินค้าใหม่ในช่วงดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าให้เพิ่มขึ้นได้

          ตัวอย่างสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบราซิล
          • สินค้าอาหาร สินค้าเกษตรและอาหารส่งออกของไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับ
สินค้าอาหารของไทยที่มีโอกาสขยายตลาดบราซิล มีดังนี้
             - ข้าว ชาวบราซิลมีวัฒนธรรมการบริโภคข้าว สังเกตได้จากอาหารจานหลักของชาวบราซิลนิยมรับประทานคู่กับข้าว
สวยร้อนๆ โดยเฉพาะ Arroz com Feijão ที่ประกอบด้วยข้าวกับซุปถั่วข้นๆ และเนื้อสัตว์ และ Feijoada คือสตูถั่วกับ
เนื้อสัตว์หรือไส้กรอกรับประทานคู่กับข้าว นอกจากนี้ การขยายตัวของร้านอาหารเอเชียในย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ของบราซิล ซึ่งมีการนำรายการอาหารไทยมาไว้บริการลูกค้า ยังช่วยสร้างโอกาสในการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยที่มี
รสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเพิ่มขึ้นด้วย
             - อาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็งและอาหารทะเลกระป๋องแปรรูป โดยเฉพาะทูน่าและปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง
ทั้งแบบในน้ำมันพืช ซอสมะเขือเทศ และน้ำมันมะกอก ซึ่งสามารถนำมาดัดแปลงทำอาหารได้หลากหลาย ได้รับความนิยม
อย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคชาวบราซิลที่เน้นอาหารราคาประหยัดและต้องการความสะดวกรวดเร็วในการปรุง
             - วัตถุดิบและเครื่องปรุงรส โดยเฉพาะเส้นก๋วยเตี๋ยว สำหรับใช้ทำผัดไทยรวมถึงน้ำปลา น้ำพริกเผา กะปิ ซอส
หอยนางรม น้ำกะทิบรรจุกระป๋อง น้ำจิ้มไก่ ล้วนเป็นสินค้าที่ร้านอาหารมีแนวโน้มต้องการเพิ่มขึ้น เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญ
ที่จำเป็นต่อการปรุงอาหารไทยซึ่งมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ผงปรุงรสสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่
มีโอกาสขยายตัวเช่นกัน สำหรับผู้บริโภคชาวบราซิลที่ต้องการปรุงอาหารไทยรับประทานเองที่บ้าน
             - น้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำมังคุด น้ำสับปะรด น้ำมะพร้าว และผลไม้กระป๋องโดยเฉพาะเงาะ ลิ้นจี่ และลำไยบรรจุ
กระป๋อง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถปลูกได้ในบราซิล หรือบางชนิดปลูกได้แต่มีรสชาติและคุณภาพด้อยกว่าของไทย
             - อัญมณีและเครื่องประดับ Euromonitor ประเมินว่า ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของบราซิลมีมูลค่าราว 8.9
พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 และคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวได้อีก ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวบราซิลที่เพิ่มขึ้น จึง
เป็นโอกาสในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยซึ่งมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและราคาสมเหตุผล โดยเฉพาะ
เครื่องประดับทอง 18K
ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มสุภาพสตรีที่มีอายุระหว่าง 25-44 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงานและเริ่ม
ประสบความสำเร็จในสายอาชีพ จึงนิยมเลือกซื้อทั้งแหวน สร้อยคอ และต่างหูทองคำประดับเพชรหรือพลอยที่มีสีสันสดใส
สำหรับสวมใส่เข้ากับชุดทำงานเพื่อเสริมบุคลิกภาพ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อไม่มากนักนิยมเลือกซื้อเครื่องประดับเงิน
และเครื่องประดับเทียมที่ออกแบบตามสมัยนิยมและสอดแทรกลักษณะเด่นทางธรรมชาติที่งดงามของบราซิล หรือ
วัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวอินเดียแดงเข้าไว้ในตัวเรือน ดังนั้น ผู้ประกอบการที่สนใจเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ
ในบราซิลควรรู้จักกับรสนิยมเฉพาะดังกล่าว เพื่อใช้ออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
 
  ประเภทเครื่องประดับที่มียอดจำหน่ายสูงในบราซิล  
  ที่มา : Euromonitor  
            งานแสดงสินค้าที่สำคัญในบราซิล
          • งานแสดงสินค้าที่สำคัญในบราซิล ในปี 2558 มีงานแสดงสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยควรหาโอกาสเยี่ยมชม
หรือนำสินค้าเข้าร่วมงาน ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ จากการพบปะคู่ค้าและผู้บริโภคชาวบราซิล
โดยตรงแล้ว ยังใช้เป็นโอกาสสำรวจทิศทางและแนวโน้มตลาดสินค้าส่งออกไปพร้อมๆ กันด้วย อาทิ งาน FENINJER ซึ่ง
เป็นงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับใหญ่ที่สุดของบราซิล จัดขึ้นที่ Sao Paulo ระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2558 และ
งาน SIAL Brazil 2015 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญของบราซิลและภูมิภาคลาตินอเมริกา จัดขึ้น
ที่เมือง Sao Paulo ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2558
          แม้บราซิลเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้า แต่ผู้ส่งออกไทยที่สนใจเจาะตลาดบราซิล
ควรระลึกเสมอว่า การทำการค้ากับบราซิลยังมีข้อจำกัดบางประการ อาทิ อุปสรรคด้านภาษา เนื่องจากชาวบราซิลใช้ภาษา
โปรตุเกสเป็นภาษาราชการและเจรจาธุรกิจ ผู้ส่งออกไทยจึงควรหาล่ามในการเจรจาติดต่อธุรกิจกับชาวบราซิลด้วยเพื่อ
ป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากความเข้าใจไม่ตรงกัน นอกจากนี้ ผู้ส่งออกสินค้าที่มีน้ำหนักมากและสินค้าที่มีกำไร
ค่อนข้างต่ำควรพิจารณาเรื่องต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากระยะทางไกลกันมาก อีกทั้งผู้ประกอบการ
ไทยควรศึกษากฎระเบียบการค้าการลงทุน ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจก่อนตัดสินใจบุกตลาดบราซิล
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์
ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ
ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด