 |
 |
|
ธุรกิจใหม่ที่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในรูปแบบร่วมทุน |
|
|
 |
|
 |
 |
 |
 |
 |
|
ที่มา : Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) |
|
|
 |
 |
 |
 |
 |
|
ธุรกิจที่มีการเพิ่มสัดส่วนการร่วมทุนของนักลงทุนต่างชาติ |
|
|
 |
|
 |
|
ที่มา : Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) |
|
|
 |
 |
 |
 |
 |
|
ธุรกิจที่มีการลดสัดส่วนการร่วมทุนของนักลงทุนต่างชาติ |
|
|
 |
|
 |
|
|
ที่มา : Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) |
|
|
 |
 |
 |
 |
 |
|
ธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติลงทุน |
|
|
 |
|
 |
|
ที่มา : Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) |
|
|
 |
 |
 |
|
โอกาสการลงทุนของไทยในอินโดนีเซีย
การปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติฉบับใหม่มีส่วนทำให้โอกาสการลงทุนในอินโดนีเซีย
เปิดกว้างมากขึ้น เมื่อประกอบกับจุดแข็งของอินโดนีเซียในด้านการมีทรัพยากรในประเทศอุดมสมบูรณ์ มีแรงงานวัยหนุ่มสาว
จำนวนมาก และค่าจ้างแรงงานถูก จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนไทยที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ
ในการขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย สำหรับธุรกิจของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงกฎระเบียบใหม่และ
นักลงทุนไทยมีศักยภาพในการขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย อาทิ
• ธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่ โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่ยังต้องการการพัฒนาอีกมาก สะท้อนได้จากการที่
อินโดนีเซียยังมีกระแสไฟฟ้าใช้ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันอัตราการเข้าถึงกระแสไฟฟ้าของอินโดนีเซียอยู่ที่
ร้อยละ 70-75 ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ทั่วประเทศภายในปี 2563 ทั้งนี้ ภายใต้
กฎระเบียบการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่ รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนใน
โครงการโรงไฟฟ้าในรูปแบบร่วมทุนได้ โดยสามารถลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนสูงสุด
ไม่เกินร้อยละ 49 และธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดมากกว่า 10 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 แต่สำหรับการลงทุน
ตามโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) นักลงทุนต่างชาติสามารถ
ลงทุนได้ทั้งหมด 100%
• ธุรกิจท่องเที่ยว ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญค่อนข้างมากต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยในปี 2557 มี
นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาอินโดนีเซีย 9.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 จากปีก่อน ขณะที่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจำนวน
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.4 ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัย
เกื้อหนุนสำคัญจากการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจังของภาครัฐ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่าง
ต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ
ท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ที่จะเข้าไปขยายตลาดในอินโดนีเซีย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน
มีอยู่มากแล้วก็ตาม แต่การเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทุกปี ทำให้ความต้องการโรงแรมและที่พัก รวมถึงร้านอาหารในอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ภายใต้กฎระเบียบการ
ลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในรูปแบบการร่วมทุนได้
หลายประเภท อาทิ ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 49 หรือ
ไม่เกินร้อยละ 51 ในกรณีที่ร่วมทุนกับผู้ประกอบการ SMEs ท้องถิ่น ธุรกิจโรงแรมที่ยังไม่มีการจัดระดับมาตรฐาน ลงทุน
ในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 51 ธุรกิจโรงแรมแบบโมเต็ล กรณีที่เป็นนักลงทุนจากประเทศในกลุ่มอาเซียนลงทุนในสัดส่วน
สูงสุดไม่เกินร้อยละ 70 เฉพาะเกาะ Java และเกาะ Bali เท่านั้น สำหรับธุรกิจสนามกอล์ฟ กรณีที่เป็นนักลงทุนจากประเทศ
ในกลุ่มอาเซียนลงทุนในสัดส่วนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 70 ยกเว้นเกาะ Java และเกาะ Bali
สำหรับการลงทุนของไทยในอินโดนีเซียในปี 2557 มีโครงการการลงทุนทั้งสิ้น 55 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 317.7 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ มากเป็นอันดับ 13 ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปรับปรุง
กฎระเบียบฉบับใหม่ได้เพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนไทยในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้
นักลงทุนชาติอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญและรับมือกับ
ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น พร้อมกันนี้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจกฎระเบียบด้านการลงทุนอย่างละเอียด
ก่อนเข้าไปลงทุน
|
|
|