Quang Binh…จังหวัดท่องเที่ยวของเวียดนามที่รอการเจียระไน  
            แม้ว่าในปี 2558 ภาคการท่องเที่ยวในอาเซียนโดยรวมต้องเผชิญ
ภาวะซบเซาจากผลกระทบของเศรษฐกิจจีนและรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่ม
ลูกค้าหลักชะลอตัว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียชะลอการเดินทาง
ออกนอกประเทศ แต่ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามยังคึกคัก สะท้อนได้
จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนเวียดนามถึง 7.9 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลเวียดนามตั้งไว้ที่ 7-7.5 ล้านคน สำหรับปัจจัย
เกื้อหนุนสำคัญที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามมีความโดดเด่น
ไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมาจากการมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย
ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบาย
มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าดึงดูด
นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 10-10.5 ล้านคนภายในปี 2563 รวมถึง
การวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ทำให้
เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง
ในอาเซียน

          จังหวัด Quang Binh…ศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่ง
ใหม่ของภูมิภาค

          เวียดนามมีพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวกระจายอยู่ทั่ว
ประเทศ ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญและกำลังเป็นที่สนใจจาก
นักท่องเที่ยวทั่วโลก คือ จังหวัด Quang Binh ทางภาคกลางของ
 
  เวียดนาม ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเตรียมผลักดันให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคภายในปี 2563 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพ
ของจังหวัดดังกล่าวในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวท้องถิ่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนมี
ชื่อเสียงและได้รับการกล่าวขานถึงในระดับโลก สะท้อนได้จากในปี 2557 หนังสือพิมพ์ New York Times ยกให้จังหวัด Quang
Binh เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดที่สุดในเอเชีย และจัดให้อยู่อันดับ 8 จาก 52 สถานที่ท่องเที่ยวของโลกที่ต้อง
เดินทางไปเยี่ยมชม
นอกจากนี้ บริษัทโฆษณาและบริษัทผลิตภาพยนตร์ของต่างชาติยังหลั่งไหลเข้ามาในจังหวัด Quang Binh เพื่อ
แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ ล่าสุด ABC Studios จากสหรัฐฯ และ NHK Channel จากญี่ปุ่น เข้ามาถ่ายทำรายการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ผลิต
ภาพยนตร์จาก Hollywood ได้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Kong : Skull Island” เพื่อเตรียมออกฉายในปี 2560 ซึ่งจะเป็นการช่วย
ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเวียดนามและจังหวัด Quang Binh สู่ประชาคมโลกอีกทางหนึ่ง

          แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัด Quang Binh
          จังหวัด Quang Binh มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang
ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเชิงธรรมชาติจาก UNESCO
เมื่อปี 2546 โดยอุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงาม
ของถ้ำหินปูนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากราว 300 แห่ง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาตินี้ คือ ถ้ำ Phong Nha ซึ่งได้รับ
การยอมรับจากนักสำรวจถ้ำทั่วโลกว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ จังหวัด Quang Binh ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ Son Doong Cave ซึ่งเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และ Dong Hoi Citadel ซึ่งเป็นป้อม
ปราการเก่าแก่มีอายุมากกว่า 200 ปี
อีกทั้งยังมีชายหาดหลายแห่ง อาทิ Da Nhay, Ly Hoa และ Nhat Le ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น
ชายหาดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
เนื่องจากมีเม็ดทรายสีขาวและมีต้นปาล์มเรียงรายขนานชายหาด

          การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัด Quang Binh
          ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด Quang Binh ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเพิ่มขึ้นแบบ
ก้าวกระโดดจาก 1.2 ล้านคนในปี 2556 เป็น 3 ล้านคนในปี 2558 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 65,000 คน
สร้างรายได้ราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การที่จังหวัด Quang Binh กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของเวียดนาม
ทำให้รัฐบาลเวียดนามเร่งยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัด เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีแผน
ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนพัฒนาระบบไฟฟ้า ระบบจราจร และระบบกระจายเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์
เพื่อรองรับ
การขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายสนามบิน Dong Hoi ซึ่งเป็นสนามบินหลักของ
จังหวัด Quang Binh
ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น และขยายเส้นทางบินภายในประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีเส้นทางบิน
ภายในประเทศเพียง 2 เส้นทางไปยังกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์เท่านั้น รวมทั้งเตรียมเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศไปยังกรุงไทเป
ของไต้หวัน
 
 

โอกาสการลงทุนในจังหวัด Quang Binh

 
            จากข้อมูลทางการเวียดนามล่าสุดระบุว่า จังหวัด Quang Binh มีจำนวนโรงแรมและที่พักทั้งหมด 245 แห่ง มีจำนวน
ห้องพักทั้งหมด 3,848 ห้อง ซึ่งยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในฤดูการท่องเที่ยว
สะท้อน
ได้จากอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมระดับ 5 ดาวในจังหวัด Quang Binh ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม อยู่ในระดับ
สูงกว่าร้อยละ 90 ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนโรงแรมและที่พัก โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาว และรีสอร์ตระดับไฮเอนด์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่
เพียงไม่กี่แห่ง ทำให้ทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในจังหวัด Quang
Binh เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มทุนรายใหญ่ของเวียดนามอย่าง FLC Group, Vingroup และ Truong Thinh Group ได้
เข้าไปลงทุนก่อสร้างสนามกอล์ฟ รีสอร์ตระดับไฮเอนด์ และศูนย์กีฬา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติจากเกาหลีใต้และอินเดีย
เตรียมเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
สอดคล้องกับที่ Bank for Investment and Development of
Vietnam (BIDV) มองว่าจังหวัด Quang Binh มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มี
รายได้สูง ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดควรดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพเข้ามาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว
โดยเฉพาะการก่อสร้างรีสอร์ตและศูนย์สุขภาพระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้มากขึ้น รวมถึงการก่อสร้างท่าจอดเรือ
ท่องเที่ยวและท่าจอดเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) ทั้งนี้ ในปี 2558 รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัด Quang Binh ประกาศรายชื่อโครงการ
ลงทุนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดที่ต้องการดึงดูดการลงทุนไปจนถึงปี 2563 จำนวน 34 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 1.03
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งมี 6 โครงการที่มีมูลค่าลงทุนสูงกว่า 1 ล้านล้านด่อง หรือราว 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนี้
 
  ที่มา : Vietnam National Administration of Tourism  
            ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด Quang Binh ประกอบกับการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องที่หลั่งไหล
เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ที่จังหวัด Quang Binh จะก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคได้
ในไม่ช้า นอกจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวียดนามยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยได้อานิสงส์จากการที่รัฐบาล
เวียดนามผ่อนคลายมาตรการด้านวีซ่าด้วยการยกเลิกวีซ่าเพิ่มให้แก่ 5 ประเทศในยุโรป คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สหราชอาณาจักร
และสเปน ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเยือนเวียดนามมากขึ้นชดเชยการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย รวมถึงการ
ยกเลิกวีซ่าให้แก่ชาวเวียดนามโพ้นทะเล ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามรวมทั้งจังหวัด Quang Binh ได้อีกทางหนึ่ง
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด
 
  "ภาพประกอบมาจาก www.google.co.th" การเผยแพร่ภาพนี้เพื่อแนะนำข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ