Black Swan Event...กับดักเศรษฐกิจโลกที่มักคาดไม่ถึง  
            การค้นพบว่าหงส์ไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวเป็นครั้งแรกของโลกโดย
นาย Willem de Vlamingh นักสำรวจชาวเนเธอร์แลนด์ระหว่างการเดินเรือ
ไปทางภาคตะวันตกของทวีปออสเตรเลียเมื่อกว่า 300 ปีที่ผ่านมา ได้
กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้นาย Nassim Nicholas Taleb นักเขียนชาว
เลบานอน-อเมริกัน ซึ่งเป็นอดีตนักวิเคราะห์ความเสี่ยงและผู้ค้าหลักทรัพย์
พัฒนาแนวคิดนี้อย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การนิยามคำจำกัดความที่ใช้
เรียกเหตุการณ์ต่างๆ ที่ยากจะเกิดขึ้น แต่กลับเกิดขึ้นและส่งผล
กระทบรุนแรงว่า “Black Swan Event”
ซึ่งนาย Taleb ได้เผยแพร่
แนวคิดนี้ลงในหนังสือ The Black Swan : The Impact of the Highly
Improbable ในปี 2550 โดยเหตุการณ์ที่เข้าข่าย Black Swan
Event ต้องประกอบด้วยคุณลักษณะ 3 ประการ คือ 1. เป็น
เหตุการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้น (Rarity) 2. เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผล
กระทบรุนแรง (Extremely Impact) และ 3. เป็นเหตุการณ์ที่
สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
(Retrospective Predictability)

          หลังจากแนวคิดดังกล่าวเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นักเศรษฐ
ศาสตร์และสำนักข่าวเศรษฐกิจหลายแห่งได้นำคำว่า Black Swan Event
มาใช้เรียกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ Black Monday ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
ดิ่งลงอย่างรุนแรงในปี 2530 วิกฤต Dot-com Bubble หรือภาวะฟองสบู่
ในภาคธุรกิจไอทีเมื่อปี 2533 เหตุการณ์ 9/11 ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ
ในปี 2544 และวิกฤต Sub-prime จากผลพวงของหนี้ในภาคอสังหา
ริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ในปี 2550 ทั้งนี้ เหตุการณ์ล่าสุดที่เข้าข่ายเป็น
หนึ่งใน Black Swan Event ที่สำคัญของโลก คือ การลง
ประชามติ
 
  ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ซึ่งมีคุณลักษณะของเหตุการณ์
Black Swan Event ครบทั้ง 3 ประการ ดังนี้
 
  Brexit  
            นอกจากเหตุการณ์นี้แล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าโอกาสในการเกิด Black Swan Event ในอนาคตยังมีอีกมาก ที่สำคัญ อาทิ
           ภาวะ Hard Landing ของเศรษฐกิจจีน แม้ว่าเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ขยายตัว 6.7% สอดคล้องกับที่
รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6.5-7% ในปี 2559 สะท้อนให้เห็นว่าจีนได้หลุดพ้นจากการเข้าสู่ภาวะ Hard Landing (การเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ
ชะลอตัวอย่างฉับพลัน) แต่โอกาสในการเกิดภาวะดังกล่าวยังคงมีอยู่ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์
และตลาดพันธบัตรของจีน ทั้งนี้ หากเกิดภาวะ Hard Landing ขึ้นจริง นอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจจีนแล้ว ยังเป็น
ปัจจัยบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังทำให้ภาคส่งออกและสถานะหนี้ต่างประเทศทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบ
อย่างรุนแรง
           วิกฤตการเงินในอิตาลี สถานการณ์หนี้เสียของภาคธนาคารในอิตาลีที่ส่อเค้าลุกลามบานปลายอาจทำให้ประเทศดังกล่าวที่มี
เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ EU ต้องประสบกับวิกฤตการเงินครั้งใหม่ โดยเฉพาะหากนาย Matteo Renzi ชนะการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี
เป็นสมัยที่ 2 ในปี 2560 เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่านโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของนาย Renzi ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการประกาศใช้มาตรการ Bail-in [หนึ่งในมาตรการทางการเงินของ EU ที่กำหนดให้ธนาคาร
ของประเทศที่กู้ยืมเงินจากธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank : ECB) จัดเก็บภาษีจากบัญชีเงินฝากในประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระ
หนี้ภาครัฐ และลดความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะล้มละลาย] เช่นเดียวกับที่ไซปรัสเคยใช้เมื่อปี 2556 ก็เป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดวิกฤตดังกล่าว
เร็วขึ้นทั้งนี้ การเกิดวิกฤตการเงินในอิตาลีไม่เพียงซ้ำเติมเศรษฐกิจอิตาลีที่ยังเปราะบางจากผลกระทบของ Brexit แต่ยังบั่นทอนเสถียรภาพ
ทางเศรษฐกิจของ EU และทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลงอีกด้วย
          ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ประกอบกับภาวะราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ตกต่ำ การเกิด
วิกฤตเศรษฐกิจหรือวิกฤตการเงินที่เข้าข่ายเป็น Black Swan Event ในประเทศใดประเทศหนึ่งย่อมก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่
สะเทือนถึงกันเป็นวงกว้าง เนื่องจากปัจจุบันระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศต่างมีความเกี่ยวพันและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น การให้ความ
สนใจและติดตามความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจต่างประเทศ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเตรียมการป้องกันและรับมือ
กับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด