 |
 |
|
ส่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในกัมพูชาโตไม่หยุด…ฉุดไม่อยู่ |
|
|
 |
 |
|
 |
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตดีจากภาวะ
เศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยราว 7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างร้อนแรงเฉลี่ย 22% ต่อปี
ในช่วงดังกล่าว โดยมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์
ห้างสรรพสินค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม และที่พักอาศัยเกิดขึ้นจำนวนมาก
ขณะเดียวกันรัฐบาลกัมพูชายังมีโครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบ
สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ เนื่องจากกัมพูชา
ยังอยู่ในช่วงเร่งพัฒนาประเทศ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย
ในการเข้าไปขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในกัมพูชา
ทั้งนี้ มีหลากหลายปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในกัมพูชา
ยังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นด้วยเหตุผลสนับสนุน ดังนี้
• เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง The
Economist Intelligence Unit (EIU) คาดว่า เศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัว
เฉลี่ย 7.3% ต่อปีในช่วงปี 2560-2564 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุน
การขยายตัวของภาคก่อสร้าง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีจะ
กระตุ้นให้เกิดความต้องการลงทุนในโครงการก่อสร้างต่างๆ ทั้งอาคาร
สำนักงานและอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า และสาธารณูปโภคพื้นฐาน
รวมทั้งการที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 32 |
|
|
ในปี 2566 ส่งผลให้มีโครงการก่อสร้างทั้งสนามกีฬาและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับการแข่งขันดังกล่าว นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่
เติบโตยังมีส่วนผลักดันการขยายตัวของความเป็นเมือง โดยประชากรที่อาศัยในเขตเมืองของกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี
2558 เป็น 30% ในปี 2563 ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจ สอดคล้องกับที่
ธนาคารโลกได้เลื่อนสถานะกัมพูชาเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับต่ำ (Lower-middle-income Economies) เมื่อช่วงกลางปี 2558
โดยพิจารณาจากรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปี (GNI per capita) ของกัมพูชาปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 1,070 ดอลลาร์สหรัฐ เหล่านี้ล้วนเป็น
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นอุปสงค์ของที่พักอาศัยในกัมพูชาให้เพิ่มสูงขึ้น
• ระบบโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชายังต้องการการพัฒนาอีกมาก สะท้อนได้จากดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์
(Logistics Performance Index : LPI) ของธนาคารโลกในปี 2559 ซึ่งจัดให้กัมพูชาอยู่อันดับที่ 73 ของโลก (ไทยอยู่อันดับที่ 45) จากการ
จัดอันดับทั้งหมด 160 ประเทศ และอยู่อันดับที่ 7 ของอาเซียน นำหน้าเพียงเมียนมาและ สปป.ลาว (บรูไนไม่มีการจัดอันดับ) ส่งผลให้
รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนทั้งในรูปแบบการลงทุนเองทั้งหมดและ
โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) เพื่อช่วยลดภาระด้านงบประมาณของรัฐบาล
• รัฐบาลกัมพูชาเปิดกว้างรับการลงทุนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทต่างชาติ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นได้
100% ในบริษัทที่รับงานก่อสร้างในกัมพูชา และอนุญาตให้ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติเป็นได้ทั้งผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วง
(Sub-contract) รวมทั้งไม่มีข้อจำกัดในการร่วมทุนกับผู้รับเหมาท้องถิ่นเพื่อร่วมประมูลงานภาครัฐ |
|
|
 |
 |
|
|
ภาพรวมธุรกิจก่อสร้างในกัมพูชาขยายตัวดีและยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งเกร่ง
Ministry of Land Management Urban Planning and Construction (MLMUPC) ของกัมพูชา
รายงานว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2559 ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างจำนวน 1,753 โครงการ มูลค่ารวม
7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าทั้งปี 2558 ที่อนุมัติโครงการลงทุนจำนวน 2,305 โครงการ
มูลค่ารวม 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจก่อสร้างในกัมพูชาปี 2559 ขยายตัวอย่าง
โดดเด่น ขณะที่การลงทุนในโครงการก่อสร้างยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ
เมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกัมพูชา โดย CBRE บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ
ของโลกคาดว่า ภายในปี 2561 จะมีโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในกรุงพนมเปญเพิ่มขึ้นอีก 22,366 ยูนิต
จากไตรมาส 3 ปี 2559 ที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมอยู่เพียงราว 3,000 ยูนิต เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่
อาศัยในเขตเมืองและการลงทุนเพื่อให้เช่าที่พักแก่ชาวต่างชาติที่ทำงานในกรุงพนมเปญ เช่นเดียวกับ
โครงการก่อสร้างศูนย์การค้าและโรงแรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน อาทิ ศูนย์การค้า Parkson Phnom
Penh City ของมาเลเซีย ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกปี 2560 มีพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ราว
57,000 ตารางเมตร และโครงการ The Peak Cambodia มูลค่า 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วย
ที่พักอาศัย สำนักงานให้เช่า และห้องพักระดับบนในเครือโรงแรม Shangri-La เป็นต้น
นอกจากนี้ กัมพูชายังมีแผนลงทุนด้านสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ดังนี้ |
 |
 |
โครงการ The Peak Cambodia |
|
|
|
 |
 |
|
• |
การลงทุนภายใต้แผน National Strategic Development Plan 2557-2561 มูลค่าราว 1.6 พันล้านดอลลาร์
สหรัฐ อาทิ
- การก่อสร้างถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางมะตอยระยะทาง 300-400 กิโลเมตรต่อปี
- การปรับปรุงถนนสายหลักระยะทาง 3,500 กิโลเมตร
- การขยายถนนจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ในเมืองใหญ่และเมืองสำคัญทั่วประเทศ |
|
|
• |
การก่อสร้างทางพิเศษทั่วประเทศภายใต้แผน Expressway Master Plan ระยะทาง 2,230 กิโลเมตร ภายในปี
2583 ซึ่งคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนรวม 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลกัมพูชามีนโยบายสนับสนุนให้
ภาคเอกชนร่วมลงทุนเพื่อลดภาระด้านงบประมาณ |
|
|
 |
|
|
โอกาสทางธุรกิจของไทย…บริการรับเหมาก่อสร้างและการส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่อง
การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลกัมพูชา ตลอดจนปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ข้างต้น
ล้วนเกื้อหนุนโอกาสของธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้างไทย ทั้งการเข้าไปประมูลรับงานเพื่อดำเนินการเองและรับเหมาช่วง ตลอดจนการลงทุน
ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปดำเนินธุรกิจดังกล่าวแล้ว อาทิ บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD ได้รับงานโครงการปรับปรุงทางรถไฟมูลค่าราว 114 ล้านบาทจากรัฐบาลกัมพูชา และ บมจ.
บางกอก เดค-คอน หรือ BKD ได้รับงานตกแต่งภายในของ The Park Land Sen Sok โครงการที่พักอาศัยระดับพรีเมียม ในกรุงพนมเปญ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสขยายตลาดส่งออกวัสดุก่อสร้าง อาทิ แร่ยิปซัม สายไฟฟ้า สายเคเบิล เหล็ก เหล็กกล้าและ
ผลิตภัณฑ์เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน เคหะสิ่งทอ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อ
รองรับโครงการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจำนวนมาก |
|
|
|
|
 |
|
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด |
|
|
 |
 |
 |