การปฏิวัติภาคเกษตรกรรมครั้งใหญ่ของรัสเซีย : โอกาสทางธุรกิจที่มาถึงไทย  
            รัสเซียเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากที่สุด
แห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เป็นสินค้าส่งออก
หลักที่สร้างรายได้จำนวนมากเข้าประเทศ คิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของ
มูลค่าส่งออกทั้งหมด ขณะที่ในส่วนของภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
เกษตร รัฐบาลรัสเซียไม่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนามากนักในช่วง
ที่ผ่านมา แต่เน้นการนำเข้าเพื่อบริโภคในประเทศเกือบทั้งหมด อย่างไร
ก็ตาม การที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรปในปี 2557
ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มประเทศนี้ถือเป็นแหล่งนำเข้าอาหารที่สำคัญของรัสเซีย
เมื่อประกอบกับเศรษฐกิจรัสเซียอยู่ในภาวะซบเซาจากราคาน้ำมันตกต่ำ
ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงขึ้น รัฐบาลรัสเซีย
จึงต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการปฏิวัติภาคเกษตรกรรมครั้งใหญ่
เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร (Food Security) ภายใต้แผนพัฒนา
ภาคเกษตรกรรมที่ได้มีการปรับปรุงแผนใหม่ในปี 2557 (Agricultural
Development Program 2013-2020, Revised in 2014) ซึ่งมีเป้าหมาย
หลักที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและลดการพึ่งพาการนำเข้าลง
จนสามารถพึ่งพาสินค้าเกษตรและอาหารที่ผลิตในประเทศได้ทั้งหมด
ภายในปี 2563
          ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียเร่งดำเนินนโยบายหลายประการ
เพื่อพลิกฟื้นภาคเกษตรกรรมตามแผนดังกล่าว อาทิ โครงการให้เงิน
ช่วยเหลือแก่เกษตรกรรายใหม่จำนวน 58.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการ
สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกร รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจาก
ต่างประเทศเข้ามาในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยการ
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 7 ปี นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียยัง
ออกนโยบาย Free Land Program ในปี 2558 เพื่อปฏิรูปพื้นที่รกร้างทาง
ภาคตะวันออกของประเทศ ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยให้ที่ดินฟรี
แก่บุคคลทั่วไปคนละราว 2.5 เอเคอร์เป็นเวลา 5 ปี เพื่อใช้ทำการเกษตร
          เพียงไม่นานการดำเนินการตามแผนดังกล่าวก็เริ่มผลิดอกออกผล
เพราะผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของรัสเซียเพิ่มขึ้น
 
  อย่างก้าวกระโดด และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังเห็นได้จากมูลค่านำเข้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
ของรัสเซียลดลงราว 35% ในปี 2558 ขณะเดียวกันรัสเซียเริ่มประสบความสำเร็จในการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารบางประเภทเพียงพอ
ต่อการบริโภคในประเทศและเริ่มส่งออกได้บ้างแล้ว จากเดิมที่ต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด อาทิ เนื้อหมู (มูลค่าส่งออกปี 2558 ขยายตัว 447%)
เนื้อไก่ (ขยายตัว 17%) น้ำตาลทราย (ขยายตัว 35%) ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของรัสเซียในปี 2558 อยู่ที่
5% ของมูลค่าส่งออกรวม เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2556
          การปฏิวัติภาคเกษตรกรรมของรัสเซียที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ถือเป็นโอกาสสำคัญของไทยทั้งในด้านการค้าและการลงทุน
โดยในระยะสั้น ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพัฒนาภาคเกษตรกรรมและถูกคว่ำบาตรการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไป
รัสเซียยังคงได้อานิสงส์จากการที่รัสเซียต้องหันมานำเข้าจากประเทศในแถบเอเชียรวมทั้งไทยมากขึ้นแทนการนำเข้าจากยุโรป โดยมูลค่า
ส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปรัสเซียหลายรายการขยายตัวในระดับสูง อาทิ ผักสดแช่เย็นแช่แข็ง (มูลค่าส่งออกปี 2559 ขยายตัว 95%)
ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง (ขยายตัว 51%) และปลาแห้ง (ขยายตัว 18%) ขณะที่ในระยะยาว การที่รัสเซียเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ
มากขึ้น เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่จะผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อบริโภคในประเทศทั้งหมด ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้า
ไปลงทุนในรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเกษตรแปรรูป ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการแข่งขันสูง
ปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนบ้างแล้วในบางอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ และน้ำตาลทราย เมื่อประกอบกับ
พื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัสเซียที่เศรษฐกิจมีขนาดใหญ่และประชาชนมีกำลังซื้อสูง ทำให้รัสเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ผู้ประกอบการไทย
ไม่ควรมองข้าม
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด