 |
 |
|
ทิศทางเกษตรกรรมโลกสู่การใช้ Farming Robot |
|
|
 |
 |
|
 |
คงไม่ผิดนัก หากจะกล่าวว่าภาคเกษตรกรรมโลกกำลังจะก้าวสู่ยุคของการ
ใช้หุ่นยนต์เพื่อการเกษตร หรือ Farming Robot อย่างแท้จริง หลังจากพบว่า
ภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาขาที่มีแนวโน้มสูงว่าจะขาดแคลนแรงงานในอนาคต
เนื่องจากคนวัยทำงานรุ่นใหม่มักไม่เลือกทำอาชีพเกษตรกรเพราะเป็นงานหนัก
ส่วนเกษตรกรในปัจจุบันก็เริ่มเข้าสู่วัยชรา ขณะที่สินค้าเกษตรและอาหารกลับเป็น
สินค้าที่ตลาดโลกยังคงมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทั้งนี้ ธนาคารโลก
รายงานว่า ภายในปี 2593 โลกจำเป็นต้องผลิตอาหารเพิ่มอีก 50% หากประชากร
โลกยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้บริโภคก็ให้ความสนใจด้านคุณภาพ
ของสินค้าเกษตรมากขึ้น เช่น ต้องมีสีสันและรูปร่างสวยงาม เก็บรักษาได้นานขึ้น
อีกทั้งยังต้องปลอดภัยที่จะรับประทาน ยิ่งไปกว่านั้นผู้บริโภคยังคาดหวังจะได้
รับประทานสินค้าเกษตรที่มีคุณประโยชน์สูงขึ้น เช่น มีวิตามินซีสูงกว่าเดิม กุญแจ
สำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์ดังกล่าว คือ การนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้แทนแรงงาน เพราะ
นอกจากจะช่วยให้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารได้มากขึ้น มีต้นทุนต่ำลง ยังสามารถ
ควบคุมคุณภาพการผลิตหรือการเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างแม่นยำ จึงไม่น่าแปลกใจ
ที่ในอนาคตอันใกล้จะได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจผลิตหุ่นยนต์ในภาค
เกษตรกรรม สอดคล้องกับที่บริษัทวิจัยตลาด Tractica ประเมินว่า ในปี 2567
ตลาดหุ่นยนต์เพื่อการเกษตรของโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 74.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
และยอดขายหุ่นยนต์เกษตรจะเพิ่มขึ้นเป็น 594,000 ตัวต่อปี โดยขณะนี้มีผู้ผลิต
หุ่นยนต์เพื่อใช้ในภาคเกษตรกรรมอยู่หลายในประเทศ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส
สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อิสราเอล และญี่ปุ่น |
|
|
|
กิจกรรมทางการเกษตรที่หุ่นยนต์สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ อาทิ
• หยอดเมล็ดพันธุ์ อาทิ หุ่นยนต์หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวซึ่งสามารถปลูกข้าวได้เป็นแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีระยะห่างระหว่าง
หลุมที่สม่ำเสมอ และกำหนดจำนวนเมล็ดพันธุ์ที่หยอดในแต่ละหลุมได้
• กำจัดแมลงศัตรูพืช อาทิ หุ่นยนต์ที่จะวิ่งไปรอบๆ ไร่หรือแปลงเกษตรเพื่อสแกนหาแมลงศัตรูพืชและฉีดยาฆ่าแมลงไปที่ตัวแมลง
นั้นได้อย่างแม่นยำ หรือหุ่นยนต์ไต่ต้นมะพร้าวสำหรับกำจัดศัตรูพืช ซึ่งผู้ใช้จะควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ด้วยรีโมทคอนโทรล เมื่อหุ่นยนต์
ไต่ขึ้นถึงยอดแล้วจะฉีดพ่นใต้ใบมะพร้าวเพื่อกำจัดแมลง
• กำจัดวัชพืช อาทิ หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชที่วิ่งไปทั่วไร่เพื่อถอนวัชพืชขึ้นจากดิน หรือโดรนที่บินวนเพื่อตรวจหาวัชพืช หากพบว่า
จุดไหนมีวัชพืชขึ้นอยู่หนาแน่นก็จะส่งสัญญาณให้โดรนตัวอื่นเข้าไปพ่นยากำจัดวัชพืช
• เก็บเกี่ยวผลผลิต อาทิ หุ่นยนต์ซึ่งติดแขนกลที่รถบรรทุกเล็กเพื่อใช้ในการเก็บผลผลิต โดยทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และ
กล้องถ่ายภาพสีในการจำแนกตำแหน่งและผลผลิตที่เหมาะในการเก็บ
• ตรวจสภาพพื้นที่การเกษตร อาทิ หุ่นยนต์เซ็นเซอร์ที่วิ่งเก็บข้อมูลในไร่ เช่น ความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน และความอุดม
สมบูรณ์ของดิน รวมทั้งโดรนติดเซ็นเซอร์ที่จะบินขึ้นไปเก็บข้อมูล และภาพมุมสูงของไร่ ทำให้เกษตรกรสามารถตรวจสภาพผลผลิตและ
ปัจจัยต่างๆ ได้
การใช้หุ่นยนต์เพื่อการเกษตรในปัจจุบันเป็นมากกว่าเครื่องทุ่นแรง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดระยะเวลาและลดการใช้แรงงาน แต่
หุ่นยนต์เพื่อการเกษตรหลายชนิดสามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน ขณะที่หุ่นยนต์บางชนิด
สามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ำและปริมาณการใช้ยาฆ่าแมลงอย่างเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนทำลายสิ่งแวดล้อมเพราะได้ผ่านการ
คำนวณแล้ว นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมเวลาในการเก็บเกี่ยวให้เหมาะสม เป็นการช่วยลดปริมาณผลผลิตเหลือทิ้งได้
ในขณะที่ประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรพบหนทางแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วยหุ่นยนต์เพื่อการเกษตรแล้ว นวัตกรรม
ทางการเกษตรก็กำลังช่วยปลดล็อกข้อจำกัดของประเทศที่เคยต้องนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร เพราะพื้นที่ทางการเกษตรที่มีจำกัด
สภาพภูมิอากาศไม่เหมาะสม และจำนวนแรงงานในภาคเกษตรไม่เพียงพอ ทำให้ประเทศเหล่านี้มีทางเลือกในการพึ่งพาผลผลิตการเกษตร
ในประเทศของตนเพิ่มขึ้น อาทิ ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญที่เริ่มให้ความสนใจพัฒนาการทำนาข้าวอัจฉริยะ (Smart Paddy)
และสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกเพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร หันมาพัฒนาการเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farm) อย่างจริงจังมากว่า
5 ปี โดยมีเป้าหมายในการส่งออกผักที่ปลูกด้วยวิธีดังกล่าวออกสู่ตลาดโลก ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญ
ของโลก นอกจากจะต้องพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุคการใช้หุ่นยนต์เพื่อการเกษตรของโลกแล้ว ยังอาจต้องเร่งพัฒนาความรู้ด้านนวัตกรรมและ
เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของโลกแห่งอนาคต
|
|
|
|
 |
 |
|
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด |
|
|
 |
 |
|