 |
 |
|
สปป.ลาว ยกระดับความเชื่อมโยงกับอาเซียน...ต่อยอดจาก Land Link สู่ Logistic Hub |
|
|
 |
 |
|
 |
เป็นที่ทราบกันดีว่า สปป.ลาว เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่มี
พื้นที่ติดทะเล (Land Lock) แต่กลับมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง
เป็นอันดับต้นๆ ของโลก แตะระดับ 7% ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าข้อจำกัด
ทางภูมิศาสตร์ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศของ สปป.ลาว
แม้แต่น้อย สปป.ลาว ใช้ความได้เปรียบจากการตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์
ที่เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion :
GMS) เพื่อเชื่อมโยงประเทศสมาชิก GMS (ไทย สปป.ลาว กัมพูชา
เวียดนาม และจีนตอนใต้) เข้าด้วยกัน จากจุดแข็งดังกล่าวดูเหมือนว่า
ปัจจุบัน สปป.ลาว กำลังก้าวข้ามความเป็น Land Lock สู่การเป็น Land
Link ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ข้อพิสูจน์สำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า สปป.ลาว ก้าวข้าม Land Lock สู่การ
เป็น Land Link นั้น สะท้อนได้จากข้อสังเกต 3 ประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
สปป.ลาว เร่งเปิดประตูการค้า...ยกระดับความเชื่อมโยง
กับเศรษฐกิจโลก
สปป.ลาว ในวันนี้ นับว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสถานะสู่การเป็น
Land Link อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะระดับการเปิด
ประเทศของ สปป.ลาว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสะท้อนได้จาก Degree of
Openness หรืออัตราส่วนการค้าระหว่างประเทศต่อ GDP ของ สปป.ลาว
เพิ่มขึ้นจาก 53% ในปี 2548 มาอยู่ที่ 64% ในปี 2557 อีกทั้งยังตั้งเป้าเพิ่ม |
|
|
|
แตะระดับ 70% ภายในปี 2563 ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 สะท้อนความมุ่งมั่นของ สปป.ลาว ที่ต้องการยกระดับ
ความเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศกับเศรษฐกิจโลกให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์กลางภูมิภาคเชื่อม GMS กับพี่ใหญ่แห่งเอเชีย
สปป.ลาว เป็นประเทศเดียวในกลุ่ม GMS ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อประเทศสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ เห็นได้จากโครงการพัฒนาเส้นทาง
คมนาคมภายในกลุ่ม GMS จะเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว เกือบทุกสาย โดยเฉพาะ 3 เส้นทางเศรษฐกิจสำคัญที่ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของ
การขนส่งสินค้าหลักในภูมิภาคที่สามารถเชื่อมต่อไปสู่ท่าเรือได้ คือ
1. เส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor : NSEC) ผ่าน 5 ประเทศ คือ จีน เมียนมา สปป.ลาว
ไทย เวียดนาม
2. เส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ผ่าน 4 ประเทศ คือ เมียนมา ไทย
สปป.ลาว เวียดนาม และ
3. เส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ผ่าน 5 ประเทศ คือ เมียนมา ไทย กัมพูชา
สปป.ลาว เวียดนาม
ในปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวส่วนใหญ่ใกล้จะแล้วเสร็จ อีกทั้งยังมีแผนขยายเส้นทาง NSEC ให้เชื่อมต่อกับเมืองเศรษฐกิจสำคัญ
อย่างกรุงเนปิดอว์และเมืองย่างกุ้งของเมียนมาไปจนถึงประเทศอินเดีย ซึ่งจะทำให้เส้นทางโครงข่ายคมนาคมขนส่งครอบคลุมทั้งภูมิภาค
มากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมทางบกที่สำคัญของ GMS แล้ว สปป.ลาว ยังเป็นอีกหนึ่งจิกซอว์สำคัญของ
โครงการ One Belt One Road (OBOR) ของจีน ภายใต้โครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีน-สปป.ลาว (คุนหมิง-เวียงจันทน์) กำหนด
แล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งจะทำให้ สปป.ลาว กลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง GMS กับเส้นทางขนส่งสำคัญของจีนผ่านเส้นทาง NSEC
ซึ่งหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะยิ่งตอกย้ำบทบาทการเป็น Land Link ของ สปป.ลาว ให้เด่นชัดมากขึ้นจากการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง GMS เข้ากับตลาดขนาดใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกอย่างจีนและอินเดียได้อย่างแท้จริง สปป.ลาว จึงไม่เพียงแค่เชื่อมโยง GMS
เข้าด้วยกัน แต่ยังเป็นประตูสำคัญที่จะเชื่อม GMS เข้ากับตลาดศักยภาพของโลกอย่างจีนและอินเดียอีกด้วย
ปรับปรุงกฎระเบียบให้ยืดหยุ่น...แรงกระตุ้นเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ
สำหรับอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้ สปป.ลาว สามารถก้าวสู่ Land Link ใน GMS อย่างเป็นรูปธรรม คือ การปรับปรุงกฎระเบียบการ
ขนส่งสินค้าในประเทศด้วยการลดขั้นตอนการส่งออก-นำเข้า เพื่อช่วยร่นเวลาดำเนินการต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยข้อมูลปี 2557
พบว่า กระบวนการส่งออกสินค้าของ สปป.ลาว ใช้เวลาดำเนินการลดลงเหลือ 23 วัน จาก 55 วันในปี 2548 ขณะที่เวลาในการนำเข้าสินค้า
ลดลงเหลือ 26 วัน จากเดิม 65 วัน นอกจากนี้ ยังมีการทำข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong
Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) ที่เป็นมาตรการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร
ซึ่งล้วนเป็นการสนับสนุนให้ปริมาณการขนส่งสินค้าของ สปป.ลาว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% โดยเฉพาะการ
ขนส่งทางบก ที่เป็นรูปแบบการขนส่งหลัก
การปฏิรูปประเทศของ สปป.ลาว จากการเป็นประเทศ Land Lock สู่ประเทศที่เป็น Land Link ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของ
สปป.ลาว ให้ดียิ่งขึ้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศสมาชิก GMS ที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันมหาศาล โดยเฉพาะ
ประเทศไทยที่จะได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่
ทางตรง : ไทยจะมีทางเลือกในการส่งออกและนำเข้าสินค้าผ่าน สปป.ลาว ไปยังประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น อาทิ จีน และเวียดนาม
นอกจากนี้ ไทยยังได้ประโยชน์จากการเป็น Land Link ของ สปป.ลาว ในการเชื่อมต่อกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern
Economic Corridor : EEC) กับเส้นทางหลักของภูมิภาค GMS เกือบทุกเส้นทาง ต่อยอดสู่การพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งตะวันออกของไทย
ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชียต่อไป
ทางอ้อม : การปฏิรูปประเทศของ สปป.ลาว ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของชาว
สปป.ลาว สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ไทยซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของ สปป.ลาว ย่อมได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สปป.ลาว
ตั้งเป้าที่จะหลุดพ้นจากการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries : LDCs) ภายในปี 2563 ด้วยการเพิ่มรายได้
ประชาชาติต่อคนต่อปีเป็น 2,520 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2558)
ปัจจุบันนับว่า สปป.ลาว ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของการเป็นประเทศ Land Lock สู่การเป็นประเทศ Land Link ของ GMS ได้มากขึ้น
เป็นลำดับ เป็นที่คาดว่าหากโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมใน GMS ดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ ตลอดจนการพัฒนา
กฎระเบียบของ สปป.ลาว ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดัน สปป.ลาว ให้ก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของ Logistic Hub หรือศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนตามแผนยุทธศาสตร์ที่รัฐบาล
สปป.ลาว ตั้งเป้าไว้ในระยะถัดไป |
|
|
 |
 |
 |
|
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น
โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ ไม่ว่าโดยทางใด |
|
|
 |
 |
 |