นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอุเดด สุวันนะวง ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และ ดร.รักษ์
วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมงานสัมมนาทางธุรกิจ (Business Forum) หัวข้อ “เบิ่งโอกาส สานประโยชน์ ก้าวสู่ความรุ่งโรจน์ร่วมกัน” จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกรัฐบาล ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

           กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สปป.ลาว ครบ 75 ปี ทำให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันในหลายด้าน ทั้งนี้ EXIM BANK เปิดดำเนินงานสำนักงานผู้แทนในเวียงจันทน์ สปป.ลาว ตั้งแต่ปี 2561 มุ่งทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทย-สปป.ลาว อาทิ ธุรกิจพลังงานทางเลือก อาหารสัตว์ และการท่องเที่ยว โดยสอดคล้องกับบทบาทของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank โดยล่าสุด EXIM BANK มีความร่วมมือกับธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน (Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public : BCEL) สนับสนุนการใช้เงินกีบเป็นเงินสกุลหลักในสปป.ลาว เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน สนับสนุนให้ภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตและการพัฒนาในระดับชุมชน ประเทศ และโลกโดยรวม
 
             นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานสัมมนากรรมการรัฐวิสาหกิจ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2568 และมอบนโยบายแก่กรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง ร่วมงาน และนายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมกำปั่นทอง ชั้น 21 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2567 ประเภท
“รางวัลความร่วมมือด้านกระบวนการจัดการของรัฐวิสาหกิจ (เชิดชูเกียรติ)” ให้แก่ EXIM BANK โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เป็นผู้รับมอบ ร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการ
ความร่วมมือในการยกระดับผลการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การประเมินกระบวนการปฏิบัติงานและการจัดการของรัฐวิสาหกิจ
(Core Business Enablers) เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกันในฐานะรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินที่มีภารกิจสอดคล้องกันในการ
ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้มีแนวทางการบริหารจัดการองค์กรที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศและแนวปฏิบัติ
ที่ดีตาม Core Business Enablers ในงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2567 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย
รัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจไทย มากกว่าความภูมิใจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ณ ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเร็ว ๆ นี้

          รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อพัฒนาและยกระดับการบริหารจัดการองค์กรร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร ประเทศชาติ และโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
 
            ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และคณะผู้บริหาร EXIM BANK เยี่ยมชมกิจการบริษัท ทวีชัย ฟู้ด แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารทะเล เช่น ปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรลบรรจุกระป๋องในซอสมะเขือเทศ น้ำมันพืช และน้ำเกลือ ภายใต้แบรนด์ เฮงเฮง เอ็มแอนด์เค มาดีน่า และพีพี จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพวัตถุดิบที่สดใหม่และสะอาด ส่งมอบสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านคุณภาพ อาทิ GMP, HACCP และ HALAL ทำให้สามารถขยายตลาดไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศมุสลิมได้ อีกทั้งยังมีกระบวนการผลิตที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีนางสาวนิสรีน หลำสุบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทวีชัยฟู้ด แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ให้การต้อนรับและนำชมกิจการ ณ จังหวัดสงขลา เมื่อเร็ว ๆ นี้

 
            ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และคณะผู้บริหาร EXIM BANK เยี่ยมชมกิจการบริษัท ฟู้ด แมชชินเนอรี่ จำกัด ลูกค้า EXIM BANK ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมผลิตอาหารและระบบ Automation ภายใต้แบรนด์ FM มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการทางวิศวกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมอาหารที่ได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีนายมารุต เจริญศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ด แมชชินเนอรี่ จำกัด ให้การต้อนรับและนำชมกิจการ ณ จังหวัดสงขลา เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการ EXIM BANK นำคณะกรรมการธนาคาร ผู้บริหาร และพนักงาน EXIM BANK ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในโอกาสที่ธนาคารเปิดดำเนินการครบรอบ 31 ปี โดยถวายภัตตาหารเช้าและเครื่องไทยธรรม แด่สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าประคุณ สมเด็จธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร พร้อมพระสงฆ์ รวม 9 รูป จากนั้น ได้ให้การต้อนรับอดีตกรรมการธนาคารและผู้บริหารธนาคาร ผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนบริษัทลูกค้าและผู้ประกอบการ ซึ่งเข้าร่วมแสดงความยินดีและบริจาคสมทบทุนศิริราชมูลนิธิในโครงการปรับปรุงห้องผ่าตัดอาคารสยามินทร์ ชั้น 5 โรงพยาบาลศิริราช โดยมี ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้รับมอบเงินบริจาค เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงห้องผ่าตัด จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย พัฒนางานวิศวกรรมและระบบต่าง ๆ ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ขยายการรองรับผู้ป่วยภาวะวิกฤตได้เพิ่มมากขึ้น ในงานฉลองครบรอบ 31 ปี EXIM BANK ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          ในโอกาสนี้ คณะกรรมการธนาคารและผู้บริหาร EXIM BANK ชุดปัจจุบันและอดีต ได้พบปะสังสรรค์และแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางการดำเนินงานของ EXIM BANK สู่เป้าหมายการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) ขับเคลื่อนธุรกิจไทยผ่านความเชี่ยวชาญและหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในฐานะที่ EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2537 และปัจจุบันยังมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านธุรกิจและบริการที่จะนำไปสู่โมเดลใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสาธารณชน ขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศไทยและโลกอย่างยั่งยืน
 
            EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานปี 2567 ชูความสำเร็จการดำเนินบทบาท Green Development Bank มุ่งพัฒนา
นวัตกรรมทางการเงินเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจสู่ความยั่งยืน และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน โดยดำเนินธุรกิจอย่างคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน 75,810 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39.93% จากสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันทั้งหมด 189,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.71% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการ และมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 58,128 ล้านบาท

          ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 EXIM BANK มุ่งสนับสนุนการส่งออก-นำเข้า และการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทการเป็น Green Development Bank โดย ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 58,128 ล้านบาท และมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 189,870 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินการ เพิ่มขึ้น 6.71% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 135,695 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 71.47% ของยอดทั้งหมด โดยเป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศ 44,744 ล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ EXIM BANK สนับสนุนธุรกิจไทยให้ขยายไปกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตลาดใหม่ (New Frontiers) ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers 39,317 ล้านบาท

          จากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK มียอดสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน (ESG) 75,810 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39.93% ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมด โดย EXIM BANK พัฒนาเครื่องมือทางการเงินสีเขียว (Green Finance) และนวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศของภาคการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ให้ตอบสนองกติกาการค้าโลกด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจรตลอด Supply Chain เช่น สินเชื่อ EXIM Green Goal เพื่อผู้ประกอบการทุกขนาดที่ต้องการขยายหรือปรับปรุงกิจการสู่อุตสาหกรรมที่คำนึงถึง ESG สินเชื่อ EXIM Green Start สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สินเชื่อประเภทวงเงินกู้ระยะยาวในลักษณะ Sustainability Linked Loan ที่สนับสนุนการดำเนินงานของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเปิดตัวบริการวาณิชธนกิจ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อสนับสนุนผู้นำด้านการลงทุนสีเขียว (Green Catalyst) ลงทุนด้านพลังงานสะอาด ผ่านการค้ำประกันตราสารหนี้ (Bond Guarantee)

          ขณะเดียวกันในด้านสังคม EXIM BANK ช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ที่ประสงค์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน (มาตรการ Pre-emptive) เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารอย่างตรงจุดและทันท่วงที นอกจากนี้ EXIM BANK ได้มีนโยบายมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ด้วย 3 แพ็กเกจ เพื่อสร้าง “ชีวิตดี มีความสุข ดีต่อใจ” ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ในกลุ่มเปราะบางที่มีหนี้วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทให้สามารถ “ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว” ตามโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ด้วยภาระดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงสนับสนุนเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องและจัดการความเสี่ยงได้อย่างครบวงจร

          ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและความมั่นคงในภูมิภาคต่าง ๆ EXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดย ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกันเท่ากับ 193,536 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 7.79% จากปีก่อน

          การขยายบทบาทมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและประกันของ EXIM BANK เพื่อเป็นเสาหลักในการสนับสนุนธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 5,303 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs ประมาณ 80% นอกจากนี้ EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะให้ความรู้ จับคู่ธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK ได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมกว่า 22,000 ราย สะท้อนถึงการอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไทยที่เป็นคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางให้เติบโตและแข่งขันได้ในเวทีโลก รวมทั้งสามารถปรับตัวรับมือกับมาตรฐานการค้าโลกและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นได้

          ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี EXIM BANK ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดย ณ สิ้นปี 2567 EXIM BANK มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 6,344 ล้านบาท และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 17,253 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 271.97% เพิ่มเกราะป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบต่อการค้า ปี 2567 จึงเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของ EXIM BANK ที่มีกำไรสุทธิ 1,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 130.87% พร้อมกับขยายการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างรอบด้าน จนทำให้กวาดรางวัลเกียรติยศกว่า 18 รางวัล

          “ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว EXIM BANK ยังคงเดินหน้าบทบาท Green Development Bank สานพลังกับพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการไทย รวมถึง SMEs ให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มเปราะบางให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่สะดุด มีความสามารถในการบริหารจัดการสภาพคล่องและจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจระหว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความคาดหวังของมีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน” ดร.รักษ์ กล่าว
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า ยุคทรัมป์ 2.0 ทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมระหว่างประเทศ ตลอดจนผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะยังไปต่อได้ ปัจจัยเกื้อหนุน ประกอบด้วย การท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภค การลงทุน และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าตามนโยบายทรัมป์ 2.0 หนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 89% และภาคการผลิตยังฟื้นตัวไม่ทันในปีที่ผ่านมา

          กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ปัจจัยส่งเสริมให้การส่งออกไทยปี 2568 ยังขยายตัวต่อได้ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายทรัมป์ 2.0 ได้แก่ การเร่งนำเข้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โอกาสส่งออกของไทยทดแทนสินค้าจีน อาทิ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ แผงโซลาร์ โอกาสส่งออกสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ การย้ายฐานการผลิตจากต่างชาติเข้ามาในไทย เช่น ธุรกิจดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ไฟฟ้า การขยายตัวของตลาดใหม่ เช่น อินเดีย อาเซียน และตะวันออกกลาง และการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) เป็นข้อตกลง FTA ฉบับแรกระหว่างไทยกับประเทศในยุโรป (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) ขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ สินค้าไทยอาจโดนมาตรการจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ สูง เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โทรศัพท์ เครื่องจักร หรือถูกบังคับให้นำเข้าเพิ่ม อาทิ สินค้าเกษตร น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สินค้าไทยที่อยู่ใน Supply Chain จีนได้รับผลกระทบ อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ยางพารา สินค้าไทยอาจต้องเผชิญการแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนที่ไหลทะลักเข้าสู่ไทยและตลาดโลก อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็ก อะลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ ความผันผวนด้านต้นทุนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และค่าเงินที่ยังผันผวนสูงอย่างต่อเนื่อง

          ดร.รักษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกยังทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อมนุษย์ รวมถึงภาคธุรกิจ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น รวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ทำให้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมยังเพิ่มจำนวนขึ้นถึงกว่า 18,000 ฉบับในปัจจุบัน โดยโลกและไทยยังต้องการเม็ดเงินสีเขียว (Climate Finance) อีกจำนวนมาก Climate Policy Initiative ประเมินว่า Climate Finance โลกปี 2566 อยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แต่ยังต่ำกว่าความต้องการที่ประเมินว่าสูงถึงราว 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในช่วงปี 2567-2573 เท่ากับว่าโลกยังต้องการ Climate Finance เพิ่มขึ้นราว 5 เท่า

          กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา EXIM BANK มีบทบาทอย่างแข็งขันในการสนับสนุน Climate Finance ของไทย และ EXIM BANK จะเดินหน้าต่อยอดความเชี่ยวชาญในฐานะ Green Development Bank เป็นผู้นำผู้ประกอบการไทยสยายปีกสู่ธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนภาคธุรกิจของไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ส่งผลให้ Portfolio ที่สนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 40% ของ Portfolio ทั้งหมด และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2570

          ดร.รักษ์ กล่าวว่า ปี 2568 EXIM BANK มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจไทยผ่านความเชี่ยวชาญและพันธมิตรสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้าผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านการสนับสนุนการส่งออกและการลงทุน เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานส่งออกสีเขียว (Green Export Supply Chain) โดยให้สิทธิประโยชน์และดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG บริการใหม่ของ EXIM BANK อาทิ บริการค้ำประกันหุ้นกู้ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ แต่ยังมี Credit Rating ที่ไม่สูงพอที่จะทำให้ผู้ลงทุนสนใจและเชื่อมั่นที่จะลงทุนได้ โดยเฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน เพื่อทำให้ Credit Rating ของหุ้นกู้อยู่ในระดับเทียบเท่ากับของ EXIM BANK คือ AAA (กรณีค้ำประกัน 100%) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น มีผลทำให้อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้อยู่ในระดับต่ำ ผู้ออกหุ้นกู้มี Cost Saving เมื่อเทียบกับการออกหุ้นกู้ด้วย Credit Rating ของตนเอง ซึ่งช่วยให้สามารถออกหุ้นกู้ได้อายุยาวขึ้นและจำนวนที่มากขึ้น รวมถึงสามารถมีฐานผู้ลงทุนเป็นกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันได้ นอกจากนี้ EXIM BANK ยังเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุน ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือตราสารทุน รวมถึงการเข้าซื้อกิจการการควบรวมกิจการ (M&A) เป็นต้น ปัจจุบัน EXIM BANK ได้รับความเห็นชอบเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เป็นต้นมา ในอนาคต EXIM BANK จะให้บริการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ ซึ่งถือเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจร ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการระดมทุนและจัดหาเงินทุนได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน EXIM BANK กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (จัดจำหน่ายตราสารหนี้)

          “EXIM BANK ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านธุรกิจและบริการที่จะนำไปสู่โมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์
ความต้องการของลูกค้า ทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน สอดคล้องกับทิศทางการค้าและการลงทุนในโลกปัจจุบันภายใต้
นโยบายทรัมป์ 2.0 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะเดียวกัน ยังเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุน
ของผู้ประกอบการไทยที่ปรับตัวได้ทันและมีการวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.รักษ์ กล่าว
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK แถลงนโยบายและบทบาทของ EXIM BANK ในโอกาสเปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการครบรอบ 31 ปี ในหัวข้อ EXIM Greenovation : เปิดเกมรุกนำผู้ประกอบการไทยฝ่ามรสุม Trump 2.0 ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยคาดการณ์ว่า ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือยุคทรัมป์ 2.0 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะยังไปต่อได้ ปัจจัยส่งเสริมให้การส่งออกไทยปี 2568 ยังขยายตัวต่อได้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายทรัมป์ 2.0 ประกอบด้วย การเร่งนำเข้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โอกาสส่งออกของไทยทดแทนสินค้าจีน การย้ายฐานการผลิตจากต่างชาติเข้ามาในไทย การขยายตัวของตลาดใหม่ และการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) ท่ามกลางปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ทำให้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มจำนวนขึ้นถึงกว่า 18,000 ฉบับในปัจจุบัน

          ในปี 2568 EXIM BANK มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจไทยผ่านความเชี่ยวชาญและพันธมิตรสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้าผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านการสนับสนุนการส่งออกและการลงทุน เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานส่งออกสีเขียว (Green Export Supply Chain) โดยให้สิทธิประโยชน์และดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG ทั้งนี้ บริการใหม่ของ EXIM BANK อาทิ บริการค้ำประกันหุ้นกู้ และบริการที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุน ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือตราสารทุน เป็นต้น
 
             ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) โดยสมาคมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยที่มีกระบวนการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในองค์กรตามมาตรฐานสากล ได้รับโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินที่ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ มีสภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้นพร้อมเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ สู่เวทีการค้าโลกอย่างมีธรรมาภิบาลและยั่งยืน ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาล ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

           ในโอกาสนี้ EXIM BANK เปิดตัวบัตรเงินฝากสีขาวและสินเชื่อสีขาวที่เรียกว่า “White Certificate of Deposit” และ “White EX” ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นผู้นำนวัตกรรมทางการงเงินด้าน Governance แห่งแรกของโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมมาตรฐานการกำกับดูแลภายในองค์กร โดยเฉพาะด้านการต่อต้านคอร์รัปชันและความโปร่งใสทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยที่ได้มาตรฐานหรือการรับรอง โดย ISO หรือ CAC

           • บัตรเงินฝากสีขาว (White Certificate of Deposit) วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 อายุ คือ ระยะเวลา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.15 ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.20 ต่อปี และระยะเวลา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.25 ต่อปี

          • สินเชื่อ White EX หรือโครงการ EXIM เงินทุนสีขาว สนับสนุนผู้ประกอบการที่พร้อมร่วมต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน โดย EXIM BANK ให้การสนับสนุน ดังนี้

             - “White Starter” สำหรับใช้ในกิจการของผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชันกับ EXIM BANK วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นร้อยละ 5.60 ต่อปี ใน 6 เดือนแรก พร้อมลดค่าธรรมเนียมสินเชื่อ

             - “White Intermediate” สำหรับผู้ประกอบการที่ได้แสดงเจตนารมณ์เข้าร่วม CAC (CAC Declared 1 ดาว) และอยู่ระหว่างการขอรับรอง CAC Certified (2 ดาว) หรืออยู่ระหว่างการขอรับรองมาตรฐาน ISO ที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี สามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่ออเนกประสงค์ หรือสินเชื่อเพื่อการลงทุน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 4.75% ต่อปี ในปีแรก วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระคืนสูงสุด 5 ปี

             - “White Advanced” สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง CAC Certified (2 ดาว) หรือได้รับรอง CAC Change Agent (3 ดาว) ตลอดจนผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 37001 หรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง EXIM BANK พร้อมสนับสนุนเงินทุนเพื่อใช้ในกิจการ วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นตลอดปีแรก 3.75% ต่อปี ผ่อนชำระคืนสูงสุด 7 ปี

          “นับเป็นครั้งแรกของโลก โดยมี EXIM BANK เป็นผู้นำ ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. และ CAC เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจไทยดำเนินกิจการอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล ควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยนวัตกรรมเพื่อการระดมทุนสีขาวและสินเชื่อสีขาว ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 3.75% ต่อปี ผ่อนชำระคืนสูงสุด 7 ปี ให้แก่กิจการที่ได้รับการรับรอง CAC หรือ ISO ขั้นสูง เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีรากฐานด้านความโปร่งใสในการกำกับดูแลภายในองค์กร นำไปสู่การสร้างสังคมที่มีธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป” ดร.รักษ์ กล่าว
 
             ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างประโยชน์ให้สังคม (Thailand Quality Class Plus : Societal Contribution) ประจำปี 2567 และรางวัล Leadership Excellence Award จากนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในพิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 จัดโดยสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม ณ โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

           ทั้ง 2 รางวัลอันทรงเกียรติ นับเป็นความภาคภูมิใจและสะท้อนการดำเนินงานของ EXIM BANK ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจภายใต้บทบาท Green Development Bank และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นเลิศทัดเทียมมาตรฐานโลก นำมาสู่ผลลัพธ์ในการดำเนินงานที่เป็นเลิศอย่างเป็นที่ประจักษ์และโดดเด่น ขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร ประเทศชาติ และโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK รับรางวัล “Best SME CSR Initiatives Bank-Thailand 2024” จากเวที International Finance Awards 2024 จัดโดย International Finance Magazine นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินชั้นนำระดับโลกจากสหราชอาณาจักร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ในการดำเนินภารกิจส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability) ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างสมดุลในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ณ โรงแรม  Waldorf Astoria Bangkok เมื่อเร็ว ๆ นี้

          EXIM BANK ทำหน้าที่มากกว่าธนาคาร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร ประเทศชาติ และโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) และยึดหลัก CSR in Process เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนบริการทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs พร้อมให้คำปรึกษา เติมความรู้ เติมโอกาส เพื่อพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงสู่ตลาดการค้าโลก ส่งเสริมผู้ประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและแข่งขันได้ในระยะยาว
 
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พบปะพูดคุยกับผู้บริหารและพนักงานในงานกรรมการผู้จัดการพบพนักงานครั้งที่ 1 ปี 2568 โอกาสฉลองครบรอบ 31 ปี ก้าวสู่ปีที่ 32 ของ EXIM BANK เพื่อขอบคุณเพื่อนพนักงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร ส่งผลให้การดำเนินงานของ EXIM BANK ในปี 2567 มียอดสินเชื่อคงค้าง 189,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.71% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการ ในการนี้ ธนาคารได้มอบของขวัญให้แก่พนักงานผ่านโครงการ Flexi Benefits ปี 3 โดยเพิ่มแพลตฟอร์มการใช้งานที่พนักงานสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตัวเองอย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบรางวัล Long Service Awards ให้แก่พนักงานที่มีอายุงาน 10 ปี 20 ปี และ 30 ปี เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร สร้าง EXIM DNA ให้พนักงานพร้อมสานพลังขับเคลื่อนภารกิจองค์กร เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ี้  
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยผู้บริหาร EXIM BANK ให้การต้อนรับและพบปะหารือนายซาอัด บิน อับดุลลาซิส อัลคาบี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าซาอุดีอาระเบีย (Saudi Export-Import Bank : Saudi EXIM Bank) เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ Saudi EXIM Bank ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          ทั้งนี้ Saudi EXIM Bank เป็นธนาคารของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้นโยบาย Vision 2030 มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน ส่งเสริมการลงทุนในหลากหลายภาคธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการค้าและการส่งออกของประเทศ เพิ่มศักยภาพของธุรกิจในซาอุดีอาระเบียให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
 
            นางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง และนายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นำผู้บริหาร EXIM BANK เยี่ยมชมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา เมืองหงสา แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีนายคทายุทธ์ ชูพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด ให้การต้อนรับ และนำชมโครงการ ซึ่งเป็นลูกค้า EXIM BANK ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และรัฐวิสาหกิจลาวโฮลดิ้ง เพื่อพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้า มีกำลังการผลิต 1,878 เมกะวัตต์ นับเป็นกำลังการผลิตที่สูงสุดใน สปป.ลาว และแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับ สปป.ลาว และไทย มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและแนวปฏิบัติในการทำงานโดยคำนึงถึง
สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเคร่งครัด
 
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ และนายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา เลขาธิการสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนและกีฬา เครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่โรงเรียนบ้านท่ามะเดื่อและโรงเรียนเพียงหลวง 3 (บ้านเหมืองแร่อีต่อง) ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี สาขาพระธาตุโบอ่อง รวมทั้งเงินสนับสนุนซ่อมระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีนางสาวอชิยาภรณ์ จิตรเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่ามะเดื่อ และนายอภิพัฒน์ ลำใยขจี ผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 3 (บ้านเหมืองแร่อีต่อง) เป็นผู้รับมอบ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ถ่ายภาพร่วมกับนายซาอัด บิน อับดุลลาซิส อัลคาบี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าซาอุดีอาระเบีย (Saudi Export-Import Bank : Saudi EXIM Bank) ในโอกาสร่วมเป็นวิทยากรพิเศษในกิจกรรม Roundtable Discussion : Unlocking Business Opportunities in Saudi Arabia เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โอกาสในการขยายธุรกิจไปยังตลาดซาอุดีอาระเบีย ให้แก่คณะที่ปรึกษาและผู้ประกอบการในหลักสูตรนักธุรกิจไทย-ตะวันออกกลาง สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงลูกค้า EXIM BANK ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

          นอกจากนี้ EXIM BANK ยังเปิดคลินิกให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน เพื่อเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน ประกอบด้วย บริการด้านสินเชื่อเพื่อการส่งออกและการลงทุน บริการประกันการส่งออก ซึ่งช่วยคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้า รวมถึงแนะนำหลักสูตรบ่มเพาะผู้ประกอบการ เพื่อติดอาวุธให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจสู่ตลาดตะวันออกกลาง รวมทั้งซาอุดีอาระเบีย ได้สำเร็จ เข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
 
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พบปะหารือนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยและส่งเสริมการค้าไทยสู่ตลาดการค้าโลก ผ่านการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน สนับสนุนผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสการค้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ณ กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นางสาวศนิสา พลังตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK เข้าร่วมงาน “แบ่งฝัน & ปันรัก...ทำดีเพื่อเพื่อนมนุษย์” จัดโดยมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูพัฒนาเด็กและครอบครัว (ฟอร์เด็ก) ในโอกาสมูลนิธิเปิดดำเนินงานครบรอบ 27 ปี และ EXIM BANK เป็นผู้สนับสนุนหลักของมูลนิธิ โดยผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK บริจาคเงินโดยตัดบัญชีเงินเดือนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 ในโอกาสนี้ EXIM BANK ได้ร่วมกิจกรรมและสนับสนุนค่าอาหารและอุปกรณ์การศึกษาให้แก่เด็กและครอบครัวผู้ยากไร้ พร้อมมอบทุนการศึกษาระดับอาชีวศึกษา จำนวน 5 ทุน ภายใต้โครงการ EXIM เพื่อโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 230,000 บาท โดยมี ดร.อัมพร วัฒนวงศ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ มูลนิธิฟอร์เด็ก ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนวัดมหาวงษ์ มูลนิธิฟอร์เด็ก 6 จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด  
            ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เข้าพบสวัสดีปีใหม่ 2568 นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร และประธานการจัดงานมหกรรมการเงิน (Money Expo) ณ บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  ธนาคารออมสิน  
 

          ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เข้าพบสวัสดีปีใหม่ 2568 นางสาวปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส กลุ่มลงทุนและบริหารการเงิน พร้อมทั้งหารือแนวทางการยกระดับองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

 
  การทางพิเศษแห่งประเทศไทย  
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เข้าพบสวัสดีปีใหม่ 2568 นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งหารือแนวทางขยายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ก้าวสู่ปีที่ 34  
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา บสย. ก้าวสู่ปีที่ 34 พร้อมมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิศรีสวางควัฒน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ณ อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ครบรอบ 8 ปี  
            ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในโอกาสสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ครบรอบ 8 ปี ณ อาคารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สำนักงานใหญ่) เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีกรมสรรพสามิต ครบรอบ 93 ปี  
            นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายชุมพล สุวรรณกิจบริหาร รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมสรรพสามิต ครบรอบ 93 ปี พร้อมมอบเงินสมทบทุนกรมสรรพสามิตเพื่อสังคม ณ กรมสรรพสามิต เมื่อเร็ว ๆ นี้  
            นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนางรัชฎา ตรงดี ผู้อำนวยการส่วนสื่อข่าวและผลิตรายการข่าว สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) กรมประชาสัมพันธ์ พร้อมมอบเงินบริจาคสมทบสวัสดิการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในโอกาส สวท. ครบรอบ 95 ปี ณ อาคาร 2 สวท. เมื่อเร็ว ๆ นี้  
  EXIM BANK ร่วมยินดีสำนักข่าว The Better ก้าวสู่ปีที่ 3  
 

          นายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแสดงความยินดีกับนายวุฒิ นนทฤทธิ์ บรรณาธิการบริหาร บริษัท เดอะ เบทเทอร์ นิวส์ จำกัด พร้อมมอบเงินสมทบทุนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ในโอกาสสำนักข่าว The Better ก้าวสู่ปีที่ 3 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อเร็ว ๆ นี้

 
            EXIM BANK แต่งตั้งนายรชตพงศ สุขสงวน เป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

         EXIM BANK แต่งตั้งนายรชตพงศ สุขสงวน เป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร ดูแลงานด้านการวางแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ การวิเคราะห์และจัดทำข้อมูลผลการดำเนินงาน ตลอดจนการปรับเปลี่ยนและทบทวนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางและสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

          นายรชตพงศ จบการศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายรชตพงศเข้าร่วมงานกับ EXIM BANK ตั้งแต่ปี 2566 เคยดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ประจำกลุ่มงานการเปลี่ยนแปลงองค์กร และก่อนเข้าร่วมงานกับ EXIM BANK นายรชตพงศเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย ทีม Business Risk and Macro Research สายงาน Global Business Development and Strategy Group ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มกลยุทธ์และวิจัยพัฒนา บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด