ธุรกิจบริการด้านอาหารในสิงคโปร์  
           สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และประชากรมีรายได้ต่อหัวใน
ปี 2554 สูงถึงเกือบ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ มากเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน (เทียบกับไทยที่ 5,395 ดอลลาร์สหรัฐ)
อีกทั้งสิงคโปร์ยังเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนได้อย่างเสรี ดังเห็นได้จาก The Economist Intelligence
Unit (EIU) ประมาณการสัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศต่อ GDP ของสิงคโปร์ปี 2554 สูงถึงร้อยละ 19.5
(เทียบกับไทยที่ร้อยละ 2.3) นอกจากนี้ ธนาคารโลก (World Bank) ได้เผยแพร่รายงาน Doing Business
2013 ซึ่งจัดให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่ง่ายต่อการเข้าไปทำธุรกิจเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันหลายปี (เทียบกับ
ไทยที่อันดับ 18) จากการจัดอันดับทั้งหมด 185 ประเทศ
สะท้อนให้เห็นว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีศักยภาพ
มากในการเข้าไปขยายตลาดหรือทำธุรกิจ
         ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางบริการทางการเงินระดับโลก นอกจากนี้
รัฐบาลสิงคโปร์ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้นโยบาย YourSingapore ทำให้มีนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจาก
ทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาสิงคโปร์อย่างไม่ขาดสาย ธุรกิจบริการด้านอาหารในสิงคโปร์จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่
น่าสนใจซึ่งสามารถตอบสนองความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ รายละเอียด
ที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจบริการด้านอาหารในสิงคโปร์ ได้แก่
         ธุรกิจบริการด้านอาหารมีแนวโน้มขยายตัวตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของสิงคโปร์ Singapore Tourism Board (STB) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 11.6 ล้านคน ในปี
2553 เป็น 13.2 ล้านคนในปี 2554 สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นมูลค่า 22 พันล้าน
ดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2553 ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการจำหน่ายอาหาร 2.2 พันล้าน
ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด
และเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จาก
ปี 2553 ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์มากที่สุดเป็นนักท่องเที่ยวจากอาเซียน
ถึง 5.4 ล้านคน หรือร้อยละ 41 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยมีความได้เปรียบ
ในการขยายตลาดสินค้าอาหารไปยังอาเซียน ทั้งด้วยปัจจัยเอื้อจากความใกล้ชิดและความเข้าใจรสนิยม
ของผู้บริโภคในอาเซียนเป็นอย่างดี รวมถึงมีโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารฮาลาลเพื่อเจาะกลุ่ม
นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมอีกด้วย

 
  สัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์
ปี 2554
 
  ที่มา : Singapore Tourism Board  
  นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์ปี 2554 สูงสุด 10 อันดับแรก  
  ที่มา : Singapore Tourism Board  
           รสนิยมการบริโภคของชาวสิงคโปร์สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตสมัยใหม่ ชาวสิงคโปร์นิยม
รับประทานอาหารนอกบ้าน เนื่องจากวิถีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบทำให้มีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการประกอบอาหาร
รับประทานเองที่บ้าน อีกทั้งในวันหยุดชาวสิงคโปร์นิยมพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารหรือ
ภัตตาคาร นอกจากนี้ ชาวสิงคโปร์ยังมีนิสัยชอบลิ้มลองอาหารรสชาติแปลกใหม่ และมีความคุ้นเคยกับอาหารไทย
เป็นอย่างดี จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารใน
สิงคโปร์เพื่อป้อนวัตถุดิบหรือขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารได้อีกทางหนึ่ง
         อาหารเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ
มากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลสิงคโปร์มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยชูจุดขายในการเป็น
ประเทศ
ปลายทางของการให้บริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกทางหนึ่ง จึงทำให้กระแสความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์มีแนวโน้มขยายตัว ดังเห็นได้จากร้านค้าปลีกวางจำหน่าย
สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีรายได้ค่อนข้างสูง จึงให้ความสำคัญกับคุณภาพ
ของสินค้ามากกว่าราคา ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs หรือ OTOP ในการ
ขยายตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเกษตรอินทรีย์ หรืออาหารที่ทำจากสมุนไพร เพื่อเจาะตลาดลูกค้า
ระดับบน
         ตามที่รัฐบาลไทยกำหนดยุทธศาสตร์ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อส่งเสริมธุรกิจบริการด้านอาหารของไทย
โดยเฉพาะการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอาหารส่งออก รวมถึงการสนับสนุนการขยายร้านอาหารไทยในต่างประเทศ
จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้าอาหารในสิงคโปร์ รวมทั้งนักลงทุนไทยที่สนใจเข้าไป
ลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารในสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม Department of Statistics ของสิงคโปร์ (SINGSTAT) รายงาน
จำนวนร้านอาหารในสิงคโปร์ปี 2554 อยู่ที่ 6,453 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารขนาดเล็ก (พนักงานน้อยกว่า
10 คน) 2,805 แห่ง และร้านอาหารขนาดกลาง (พนักงาน 10-99 คน) 3,566 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนรวมกัน
เกือบร้อยละ 99 ของจำนวนร้านอาหารทั้งหมดในสิงคโปร์
ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และค่าเช่าพื้นที่ที่อยู่ในระดับ
สูง นักลงทุนจึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนควบคู่ไปกับการศึกษากฎระเบียบและขั้นตอน
ในการจัดตั้งร้านอาหารในสิงคโปร์ รวมถึงกฎระเบียบและมาตรการนำเข้าสินค้าอาหารของสิงคโปร์ เพื่อให้การทำ
ธุรกิจบริการด้านอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด