แม่สอด-เมียวดี....
พื้นที่เศรษฐกิจใหม่ชายแดนไทย-พม่า
 
   
 

         ไทยและพม่ามีความสัมพันธ์มายาวนานทั้งในด้านประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการมีพรมแดน
ติดต่อกันเป็นระยะทางถึง 2,401 กิโลเมตร เอื้อประโยชน์อย่างยิ่งต่อการค้าระหว่างกันตามแนวชายแดน ดังเห็นได้
จากมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับพม่าปี 2555 มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 85 ของมูลค่าการค้าระหว่างกันทั้งหมด
ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าการค้าที่ด่านศุลกากรสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าการค้า
ชายแดนระหว่างกันทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะการส่งออก
พบว่า มูลค่าส่งออกสินค้าจากไทยไปพม่าสูงสุดอยู่ที่ด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก ซึ่งเชื่อมกับเมืองเมียวดี
ของพม่า มีสัดส่วนเกือบร้อยละ 55 ของมูลค่าส่งออกของไทยไปพม่าผ่านด่านการค้าชายแดนระหว่างกัน
ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการค้าชายแดนในพื้นที่ดังกล่าว

         ทั้งนี้ เมืองเมียวดีอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง มีพรมแดนติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก มีแม่น้ำเมยเป็นเขตกั้น และมีสะพาน
มิตรภาพไทย-พม่า เป็นเส้นทางเชื่อมโยงการค้าระหว่างกัน ทำเลที่ตั้งของเมืองเมียวดีอยู่ใกล้เมืองเศรษฐกิจสำคัญ
ของพม่า อาทิ เมืองย่างกุ้ง และเมืองเมาะละแหม่ง อีกทั้งยังอยู่บนเส้นทางเศรษฐกิจตามแนวตะวันออก-ตะวันตก
(East-West Economic Corridor : EWEC) ซึ่งเชื่อมต่อไปจนจรดชายฝั่งเวียดนามที่เมืองดานัง จึงมีศักยภาพในการ
เป็นประตูการค้าเชื่อมคาบสมุทรอินโดจีนสู่ภูมิภาคเอเชียใต้และยุโรป ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เมืองเมียวดีเป็นจุด
กระจายสินค้าสำคัญของไทยในพม่า รัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่าจึงมีแนวคิดที่สอดคล้องกันในการพัฒนาพื้นที่
ชายแดนบริเวณดังกล่าวให้เป็นเมืองคู่แฝดเพื่อกระตุ้นการค้าการลงทุนระหว่างกัน

ความคืบหน้าการพัฒนาเมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดี
         เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 รัฐบาลพม่าได้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดีขึ้น นับเป็นหนึ่งใน
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 19 แห่ง ซึ่งรัฐบาลพม่ามีแผนจะจัดตั้งให้ครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี
2558
ทั้งนี้ รัฐบาลพม่าให้สัมปทานการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดีขนาด 466 เอเคอร์ หรือ
ราว 1,165 ไร่ ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี แก่บริษัทเอกชน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท Asia Wealth บริษัท Eden
Construction บริษัท Ngwe Sin Construction บริษัท Shwe Nagar Min Construction และบริษัท Lah
Construction ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวประกอบด้วยศูนย์บริการด้านศุลกากรแบบ One Stop
Service เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับพม่า คลังสินค้า และ
อาคารพาณิชย์
รวมทั้งได้เตรียมพื้นที่สำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเมียวดี และพื้นที่สำหรับก่อสร้างโรงแรม และ
ที่พักอาศัย เพื่อรองรับการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น
         นอกจากนี้ รัฐบาลพม่ากำลังปรับปรุงเส้นทางคมนาคมในช่วงแม่สอด-เมียวดี ไปยังเชิงเขาตะนาวศรี
ระยะทาง45 กิโลเมตร มูลค่าเงินลงทุน 1.14 พันล้านบาท โดยบริษัท สี่แสงการโยธา (1979) จำกัดของ
ไทยได้รับสัมปทานโครงการรับเหมาก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว ซึ่งหากพัฒนาแล้วเสร็จ จะทำให้สามารถ
เดินทางจากเมืองเมียวดี ผ่านเมืองเมาะละแหม่ง ไปยังเมืองย่างกุ้ง (ระยะทาง450 กิโลเมตร) ได้ภายใน
1 วัน
จากปัจจุบันที่ยังมีการจัดการเดินรถแบบสลับวันเว้นวัน
         ในส่วนของการดำเนินงานของฝ่ายไทยนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขต
เศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ศึกษาและจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา
อุตสาหกรรมร่วมกับเมืองคู่แฝดของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผลการศึกษาระบุว่า เมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดีเป็น
หนึ่งในพื้นที่เป้าหมายคู่กับเมืองคู่แฝด จ.มุกดาหาร-แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว
และได้กำหนดยุทธศาสตร์
การพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมระหว่างเมืองคู่แฝดดังกล่าว โดยเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบ
โลจิสติกส์ การพัฒนาปัจจัยการผลิตและการเชื่อมโยงฐานการผลิตอุตสาหกรรมเป้าหมายระหว่างเมืองคู่แฝด การ
พัฒนากฎระเบียบและสิทธิประโยชน์ให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารจัดการด้านสังคมและ
สิงแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
         สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้เข้าไป
ศึกษาสภาพพื้นที่ 5,603 ไร่ บริเวณ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้สงวนพื้นที่ดังกล่าว
ไว้สำหรับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 รวมทั้งจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต ทั้งนี้ หากการ
จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด และการพัฒนาเมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดีมีความก้าวหน้ามากขึ้น จะเป็น
โอกาสของไทยในการใช้ปัจจัยการผลิตราคาถูกจากพม่าเพื่อผลิตสินค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการ
แปรรูป เพื่อส่งสินค้ากลับไปขายในพม่าและประเทศอื่นๆ ต่อไป

โอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทย
         หากการพัฒนาเมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดี แล้วเสร็จ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับ
พม่าให้เพิ่มขึ้นอีกมาก ดังเห็นได้จากกระแสตื่นตัวของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเข้าไปศึกษาโอกาส
ทางการค้าและการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งเริ่มมีการซื้อที่ดินในเมืองแม่สอดมากขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้ราคา
ที่ดินพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีการเข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงแรมและที่พักในเมืองแม่สอดเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 20-30 แห่ง อัตราค่าที่พักอยู่ที่ราว 350-700 บาท
ต่อคืน เพื่อรองรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างการจ้างงานและกระตุ้น
กิจกรรมทางเศรษฐกิจให้คึกคักมากขึ้น ขณะที่หอการค้า จ.ตาก คาดว่าหลังจากก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 มูลค่าการค้าชายแดนบริเวณด่านการค้า
ชายแดนแม่สอด-เมียวดีจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
(จากปัจจุบันที่ระดับ 39,000 ล้านบาทต่อปี)
สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสขยายการส่งออกผ่านด่านชายแดนดังกล่าว ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภท
อาทิ เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และสบู่
เป็นต้น ซึ่งชาวพม่าถือว่าสินค้าไทยเป็นสินค้ามีคุณภาพ นอกจากนี้ ยัง
นับเป็นโอกาสในการขยายตลาดวัสดุก่อสร้าง เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานตามแนวชายแดน
และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดี ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสใช้ปัจจัยการผลิต
ราคาถูกจากพม่า โดยเฉพาะสินแร่และวัตถุดิบทางการเกษตร รวมถึงการจ้างแรงงาน เพื่อผลิตและแปรรูปสินค้า ซึ่ง
จะช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตลงได้
         อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดียังอยู่ในระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ
พิเศษแม่สอดของไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ซึ่งในเบื้องต้นผู้ประกอบการไทยอาจต้องเผชิญความไม่พร้อมของ
ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากปัญหาชนกลุ่มน้อยในพม่าและความเสี่ยงจากการปิดด่าน
การค้าชายแดนก็เป็นปัจจัยพึงระวังและควรนำมาพิจารณาควบคู่กันไป เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยให้การทำการค้า
การลงทุนกับพม่าประสบผลสำเร็จมากที่สุด

 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  ภาพประกอบมาจาก www.google.com และ www.idotravellers.com
การเผยแพร่ภาพนี้เพื่อแนะนำข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ