อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชาสดใส...
โอกาสการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการไทย
 
           อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มนับว่ามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในฐานะแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโต
อย่างต่อเนื่อง และเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศสำคัญด้วยมูลค่าส่งออกกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
หรือราวร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ้างงานจำนวนมากกว่า 3.3 แสนคน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการที่ดึงดูด
การลงทุนจากต่างประเทศ และนับเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทย

         ภาวะการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาสดใส ในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติ
จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชา ส่งผลให้ปัจจุบันกัมพูชากลายเป็นฐาน
การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกของบริษัทชั้นนำ อาทิ ZARA, H&M, Puma, Adidas, Nike และ GAP
เป็นต้น โดยมีโรงงานตัดเย็บรวมกว่า 300 โรงงาน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากไต้หวัน จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้

         ในปี 2555 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา (Cambodian Investment Board : CIB) อนุมัติ
โครงการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากเป็นอันดับ 1 รวม 82 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน
165.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 49.5 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการที่ CIB อนุมัติ และเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 27 จากปี 2554 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากจีน เนื่องจากกัมพูชายังสามารถรักษาความได้เปรียบด้านค่าจ้าง
แรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ค่าจ้างแรงงานในจีนทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รองลงมา คือ ไต้หวันและเกาหลีใต้
ตามลำดับ ขณะที่การลงทุนจากไทยยังมีไม่มากนัก โดยมีนักลงทุนไทย 2 รายที่ได้รับอนุมัติโครงการลงทุนจาก CIB
 
  สัดส่วนมูลค่าการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
จาก CIB จำแนกตามประเภทธุรกิจปี 2555
 
  ที่มา : CIB  
  ปัจจัยเกื้อหนุนการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา
         กัมพูชามีความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ปรับขึ้นอัตรา
ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 มาอยู่ที่ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อเดือน ซึ่งเมื่อรวมกับเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพอีก 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทำให้ค่าจ้างแรงงานรวมอยู่ที่ 80
ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,400 บาท) ต่อเดือน แต่อัตราค่าจ้างดังกล่าวยังต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียรวมทั้ง
ไทย โดยเทียบเท่ากับการจ้างแรงงานไทยเพียง 8 วันเท่านั้น (คำนวณจากอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของไทยที่ระดับ
300 บาทต่อวัน) ประกอบกับกัมพูชาเป็นแหล่งแรงงานที่ฝึกหัดง่ายและใช้ทักษะการทำงานที่ไม่ซับซ้อนนัก ขณะที่
ไทยเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ อย่างไรก็ตาม ผลิตภาพของแรงงานกัมพูชาค่อนข้างต่ำโดย The
Garment Manufacturing Association of Cambodia (GMAC) รายงานว่า ในชั่วโมงการทำงานที่เท่ากัน แรงงาน
กัมพูชา 1 คนสามารถผลิตเสื้อได้จำนวนน้อยกว่าแรงงานเวียดนาม 2 เท่า และแรงงานจีนถึง 3 เท่า จึงเป็นปัจจัยที่
ผู้ประกอบการไทยควรนำมาพิจารณาร่วมด้วย
         กัมพูชาได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการส่งออกจากประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสิทธิพิเศษทางภาษี
ศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) ในการส่งออกสินค้าหลายรายการ รวมทั้ง
เครื่องนุ่งห่ม จากตลาดส่งออกสำคัญทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากกัมพูชาจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มี
ระดับการพัฒนาน้อยที่สุุด (Least Developed Countries : LDCs) ส่งผลให้เครื่องนุ่งห่มที่ส่งออกจากกัมพูชาได้รับ
ยกเว้นภาษีนำเข้าและไม่มีการกำหนดโควตานำเข้าจากประเทศดังกล่าว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณาลงทุน
หรือย้ายฐานการผลิตไปยังกัมพูชาเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว
         รัฐบาลกัมพูชาให้การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มอย่างจริงจัง ด้วยการให้สิทธิ
ประโยชน์ต่างๆ อาทิ การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบและส่วนประกอบ และลดหย่อนภาษีสำหรับการนำเข้าเครื่องจักร
ที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก เป็นต้น โดยนักลงทุนต่างชาติสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้จาก CIB
นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชายังอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ทั้งหมด (ไม่จำเป็นต้อง
ร่วมทุนกับชาวกัมพูชาเหมือนบางอุตสาหกรรม เช่น การผลิตและแกะสลักไม้และหิน และกิจการด้านวิทยุและ
โทรทัศน์ เป็นต้น)

         นอกจากโอกาสด้านการลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการไทยอาจมองหาลู่ทางในการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับ
อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไปกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบขั้นกลางทั้งด้ายและผ้าผืนประเภทต่างๆ อาทิ ผ้าถัก
ผ้าทอที่ทำจากฝ้าย และผ้าทอที่ทำจากใยสังเคราะห์ เป็นต้น เนื่องจากการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ ขณะที่
อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตเร็วมากและการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุน
การเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2556-2560 มูลค่าส่งออก
เครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาจะขยายตัวเฉลี่ย 13% ต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้กัมพูชามีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าดังกล่าว
เพิ่มขึ้นมาก จึงนับเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการสิ่งทอไทยในการรุกตลาดเพื่อเติมเต็มความต้องการดังกล่าว
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด