ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในฟิลิปปินส์  
   
           ฟิลิปปินส์เป็นประเทศหนึ่งในอาเซียนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ด้วยลักษณะภูมิประเทศ
ที่มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่า 7,000 เกาะ และมีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 36,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งใน
ประเทศแถบเอเชียที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกมากที่สุด เนื่องจากเคยเป็นอาณานิคมของสเปนและสหรัฐ
อเมริกา ประชากรส่วนใหญ่จึงนับถือศาสนาคริสต์ รวมทั้งทำให้ฟิลิปปินส์มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและ
สถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามแตกต่างจากประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทาง
มาฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องเป็นธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อน
เศรษฐกิจของประเทศ
         ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในฟิลิปปินส์สร้างการจ้างงานในปี 2554 ถึง 3.8 ล้านคน หรือร้อยละ 10
ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ และคาดว่าจะสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 ล้านคน หรือร้อยละ 18.8 ของ
จำนวนแรงงานทั้งประเทศภายในปี 2559
และทำให้กำลังซื้อของชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อันจะมีส่วน
ช่วยเสริมศักยภาพของตลาดฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรราว 104 ล้านคน (มากเป็นอันดับ
2 ของอาเซียน รองจาก อินโดนีเซีย) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
         รัฐบาลฟิลิปปินส์ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้นโยบาย “It’s More Fun in the Philippines” เพื่อ
ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นจาก
37.5 ล้านคนในปี 2554 เป็น 44.1 ล้านคนในปี 2556 และ 56.1 ล้านคนในปี 2559 ขณะเดียวกัน ยังตั้งเป้าดึงดูด
นักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคนภายในปี 2559
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ยังมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะ
เข้าไปต่อยอดการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในหลากหลายสาขา

ปัจจัยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในฟิลิปปินส์
         จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Department of
Tourism (DOT) ของฟิลิปปินส์รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นจาก
3.9 ล้านคนในปี 2554 เป็น 4.3 ล้านคนในปี 2555 นับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และเป็นครั้งแรก
ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุระดับ 4 ล้านคน
โดยมีนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เดินทางมาฟิลิปปินส์มาก
ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 24 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น
และจีนตามลำดับ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากอาเซียนแม้ยังมีจำนวนไม่มากนัก หรือราวร้อยละ 9 ของจำนวน
นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่มีความเป็นไปได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนที่เดินทางมา
ฟิลิปปินส์จะเพิ่มมากขึ้นหลังการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community :
AEC) ในปี 2558
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งเดินทางมาฟิลิปปินส์มากเป็นอันดับ 1 และ
2 ของอาเซียน
         รัฐบาลฟิลิปปินส์เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม
ท่องเที่ยว
The Travel & Tourism Competitiveness Report 2013 ของ World Economic Forum ระบุว่า
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์มีพัฒนาการมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีสัดส่วนรายจ่าย
ของรัฐบาลในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อ GDP สูงที่สุดในโลก
สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการพัฒนาระบบ
สาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยังขาดแคลน โดยเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางภายใน
ประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2556 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้จัดสรรงบประมาณราว 295 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปรับปรุงและพัฒนา
ถนน และจะจัดสรรงบประมาณอีกราว 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2559 เพื่อเพิ่มจำนวนห้องพักสำหรับรองรับ
นักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเชื่อมโยงเส้นทางการบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
         รัฐบาลฟิลิปปินส์ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้นโยบาย “It’s More Fun in the Philippines” DOT
ร่วมมือกับภาคเอกชนเข้าร่วมงานมหกรรมท่องเที่ยวระดับนานาชาติ อาทิ The Internationale Tourismus Bourse
ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี World Travel Mart ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ JATA Travel Mart ที่กรุง
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น รวมทั้งเข้าร่วม Thai International Travel Fair ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556
ที่ประเทศไทย และได้รับรางวัล “Best Booth Display” จากงานดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ให้
ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในประเทศเป็นอย่างมาก

โอกาสด้านการค้าการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์
         รัฐบาลฟิลิปปินส์มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดังเห็นได้จาก
Philippines Investments Promotional Plan (PIPP) ซึ่งเป็นแผนส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
และพัฒนาตลาดของฟิลิปปินส์ในช่วงปี 2553-2557 ระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 8
อุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในระยะกลาง
จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนไทยจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจ
ดังกล่าว สำหรับโอกาสด้านการค้าการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์ที่น่าสนใจ มีดังนี้
         ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยังขาดแคลนเพื่อ
เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังมีความต้องการ
โรงแรมและห้องพักอีกจำนวนมาก แม้ในปี 2554 มีโรงแรมหลายแห่งเปิดให้บริการในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้
มีห้องพักเพิ่มขึ้นราว 5,000 ห้อง และ DOT คาดว่าจะมีห้องพักเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 7,350 ห้องในช่วงปี 2555-2558 ซึ่งสะท้อนให้เห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว รวมถึงโอกาสในการขยายตลาดสินค้าประเภทวัสดุ
ก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ และเครื่องจักร
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านมี
โอกาสขยายตลาดเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ไม้
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้จาก
ไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและมาเลเซีย
         ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รัฐบาลฟิลิปปินส์ตั้งเป้าเป็นประเทศปลายทางของการให้บริการทางการแพทย์
ที่มีราคาไม่แพง และตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในปี 2558
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยมีความชำนาญในธุรกิจดังกล่าวเป็นอย่างดี ดังเห็นได้จากจำนวน
นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มาใช้บริการในไทยมีสัดส่วนสูงถึงราวร้อยละ 40 ของเอเชีย จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน
ไทยจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล รวมถึงธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบรับกระแสใส่ใจสุขภาพและ
ความงามในฟิลิปปินส์ที่เพิ่มขึ้นมาก
         ธุรกิจอาหาร ฟิลิปปินส์เป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ประกอบกับ
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการบริโภคสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น ขณะที่
ฟิลิปปินส์ยังไม่สามารถผลิตสินค้าอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างเพียงพอ ทำให้ฟิลิปปินส์นำเข้าอาหาร
จากต่างประเทศเป็นหลัก จึงเป็นโอกาสที่ผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะเข้าไปขยายตลาดเพื่อรองรับ
นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการป้อนวัตถุดิบหรือขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารผ่านโรงแรมและ
ร้านอาหาร
ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหาร
สำเร็จรูปอันดับ 2 ของไทย รองจากสหรัฐฯ และเป็นตลาดส่งออกสิ่งปรุงรสอาหารอันดับ 3 ของไทย รองจากญี่ปุ่น
และสหรัฐฯ นอกจากนี้ ธุรกิจแปรรูปอาหารก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากฟิลิปปินส์มีผลผลิตทางการเกษตร
และสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ แต่ยังขาดแคลนทักษะและเทคโนโลยีในการแปรรูปที่มีประสิทธิภาพ
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  ภาพประกอบมาจาก http://itsmorefuninthephilippines.com/
การเผยแพร่ภาพนี้เพื่อแนะนำข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ