ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในอินโดนีเซีย
กับโอกาสของผู้ประกอบการไทย
 
   
           อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 17,500 เกาะ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
สวยงามมากมายที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างเกาะบาหลี ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นเกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวและเป็น
ที่รู้จักไปทั่วโลก อีกทั้งประชากรมีหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้มีความแตกต่างทั้งด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี และอาหาร ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ The Travel & Tourism
Competitiveness Report 2013 ของ World Economic Forum (WEF) ได้ปรับเพิ่มอันดับความสามารถในการ
แข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียจากอันดับที่ 74 ในปี 2554 เป็นอันดับที่ 70 ในปี 2556 จากการจัดอันดับ
ทั้งหมด 140 ประเทศ สะท้อนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในอินโดนีเซีย

         ปัจจัยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในอินโดนีเซีย
          ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาตร์
และโบราณสถาน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกลับมา
เยือนอินโดนีเซียอีกหลายครั้ง ทั้งนี้ WEF ได้จัดให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม
อันดับที่ 6 จากการจัดอันดับทั้งหมด 140 ประเทศ ปัจจุบันอินโดนีเซียมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น
มรดกโลก (World Heritage Site) จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) จำนวน 8 แห่ง ที่สำคัญ ได้แก่ มหาสถูป
บุโรพุทโธหรือบรมพุทโธ (The Borobudur Temple Compounds) ศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายานที่
เก่าแก่ และอุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park) ที่อยู่อาศัยของมังกรโคโมโด สัตว์เลื้อยคลานยุค
ดึกดำบรรพ์ที่พบได้ตามธรรมชาติที่อินโดนีเซียเพียงแห่งเดียวในโลก เป็นต้น
          จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รัฐบาลอินโดนีเซียคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาง
มาอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5-9 ล้านคนในปี 2556 จากราว 8 ล้านคนในปี 2555 ขณะที่ WEF คาดการณ์ว่า
ธุรกิจท่องเที่ยวของอินโดนีเซียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยจะขยายตัวเฉลี่ย 7% ต่อปีในช่วงปี 2556-2565
เทียบกับที่ขยายตัว 3% ในปี 2555
          รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยกำหนดให้เป็น 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่
รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศส่งเสริมการลงทุนภายใต้แผนแม่บทเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอินโดนีเซีย หรือ Master
Plan for Acceleration and Expansion of Indonesia Economic Development 2011-2025 (Masterplan
Percepatan dan Perluasan Pembangunan Ekonomi Indonesia : MP3EI) ซึ่งรัฐบาลตั้งงบประมาณ 14 พันล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเร่งรัดการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค
พื้นฐานและเครือข่ายคมนาคมรอบด้านเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการ
คมนาคมทางอากาศ ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันให้ Garuda Air สายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเส้นทางการบิน
ภายในประเทศหลายสิบเส้นทางเพื่อเชื่อมเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ การเปิดเส้นทางการบิน
เพื่อเชื่อมโยง Medan (เมืองหลวงของจังหวัด North Sumatra) กับเมืองสำคัญอื่นๆ ในประเทศ อาทิ Denpasar
(เมืองหลวงของจังหวัด Bali) Bandung (เมืองหลวงของจังหวัด West Java) Pekanbaru (เมืองหลวงของจังหวัด
Riau) Surabaya (เมืองหลวงของจังหวัด East Java) และ Makassar (เมืองหลวงของจังหวัด South Sulawesi)
เป็นต้น เพื่อให้ Medan เป็นศูนย์กลางการบินทางตะวันตกของประเทศ และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการบินแห่งที่
4 ของอินโดนีเซีย เพิ่มเติมจากกรุง Jakarta (เมืองหลวงของอินโดนีเซีย) เมือง Denpasar และเมือง Makassar

          โอกาสการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการไทย
          ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ตลอดจนการเร่งรัดพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อรองรับ
การขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวของรัฐบาลอินโดนีเซีย จะช่วยเกื้อหนุนโอกาสทางการค้าการลงทุนในธุรกิจที่
ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ ดังนี้
          ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการไทยมีความชำนาญ แม้ว่าปัจจุบันอินโดนีเซียมีโรงแรมและที่พัก
จำนวนมากในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมยังมีความน่าสนใจลงทุนในหลายพื้นที่ อาทิ
จังหวัด Central Sulawesi จังหวัด West Nusa Tenggara และเขตการปกครองพิเศษ Yogyakarta ที่ยังมีอัตรา
การเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) อยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้ง
ประเทศ รวมทั้งจังหวัด Bali ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในระดับสูงและรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ผู้ประกอบการไทยอาจเข้าซื้อกิจการหรือบริหารจัดการโรงแรมที่มี
อยู่เดิมในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าโรงแรมระดับ 4-5 ดาวเป็นที่นิยม
มากกว่าโรงแรมระดับ 1-3 ดาว โดยพิจารณาจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่า
 
  จังหวัด/เขตการปกครองพิเศษที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในระดับสูง  
  ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย  
  อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งประเทศจำแนกตามระดับโรงแรม  
  ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย  
            ธุรกิจอาหาร เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรราว 240 ล้านคนมากเป็น
อันดับ 1 ของอาเซียน ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการ
บริโภคสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น ขณะที่อินโดนีเซียยังผลิตสินค้าอาหารได้ไม่เพียงพอกับความต้องการจึงเป็นโอกาสที่
ผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะเข้าไปขยายตลาดในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะข้าว ผักและผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง
อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และไอศกรีม เป็นต้น รวมทั้งอาหารที่เป็นที่นิยมของ
นักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และหมากฝรั่ง เป็นต้น รวมถึงการป้อนวัตถุดิบ
หรือขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารผ่านโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรม
ท่องเที่ยวเช่นกัน
          ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันอินโดนีเซียยังมีระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอรองรับการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียเล็งเห็นความสำคัญในการลงทุนพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้าง
พื้นฐานและเครือข่ายคมนาคม ทั้งถนน ท่าเรือ สนามบิน และทางรถไฟ จึงเป็นโอกาสของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ
ไทย รวมถึงการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้าง อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สายไฟและสายเคเบิล ปูนซีเมนต์
และแร่ยิปซัม เป็นต้น
          สินค้าที่ใช้ในธุรกิจท่องเที่ยว ความต้องการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาง
เข้ามาในอินโดนีเซีย จึงนับเป็นโอกาสส่งออกสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในธุรกิจโรงแรม อาทิ ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน
ผ้าห่ม ปลอกหมอน ของใช้ในห้องน้ำ อาทิ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม และหมวกอาบน้ำ เป็นต้น
          ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าไปทำธุรกิจในอินโดนีเซียควรศึกษาข้อมูลตลาด กฎระเบียบด้านการค้า
การลงทุน ซึ่งในเบื้องต้นสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในอินโดนีเซีย http://www.
thaibizindonesia.com/th/index.php และติดตามความเคลื่อนไหวในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ
กฎหมายและกฎระเบียบด้านการค้าการลงทุน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควร
เดินทางไปสำรวจตลาดและพื้นที่เพื่อให้ทราบถึงลักษณะและศักยภาพของตลาดและโอกาสการลงทุน เพื่อให้การ
ดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงใช้ประโยชน์จากการก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 ซึ่งจะช่วยให้การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน
และแรงงานมีฝีมือระหว่างไทยกับอินโดนีเซียและประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ มีความเป็นเสรียิ่งขึ้น อันจะเอื้อต่อ
การค้าการลงทุนระหว่างไทยและอินโดนีเซียมากขึ้น
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  ภาพประกอบจาก www.sxc.hu การเผยแพร่ภาพนี้เพื่อแนะนำข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ