5 Mega Trends ในทศวรรษหน้า    
   
            ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อีกแล้ว นับเป็นโอกาสดีที่ “เก็บตกจากต่างแดน” ฉบับนี้จะ
ได้นำเสนอข้อมูลแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในโลกอนาคต เพื่อจุดประกาย
และเตรียมความพร้อมให้ท่านผู้อ่านปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ
ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยในครั้งนี้ได้นำข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง 5 ท่านของ Price Waterhouse
Cooper (PwC) บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำระดับโลก ซึ่งเผยแพร่ในรายงาน PwC Global Annual Review
2013 เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และมุมมองของ Mega Trends ที่จะเกิดขึ้นในทศวรรษหน้า แม้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ในระยะยาว แต่หลายประเด็นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงและเห็นผลกระทบบ้างแล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ เพื่อให้ท่าน
ผู้อ่านได้เห็นภาพโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจที่คาดว่าจะได้
อานิสงส์จาก Mega Trends ดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย

          การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร (Demographic Shifts)
          หลังสิ้นสุดยุค Baby Boom ในช่วงปี 1965-1970 ประกอบกับวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ที่พัฒนาขึ้น
มาก ส่งผลให้ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปและข้อจำกัดทางด้าน
เศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงขนาดของครอบครัวจากครอบครัวที่มีขนาดใหญ่เปลี่ยนไปสู่ครอบครัวเดี่ยว
มากขึ้น รวมถึงการแต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรมีแนวโน้มลดลง จึงทำให้สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะเดียวกันสัดส่วนประชากรวัยแรงงานก็ลดลงตามไปด้วย ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบ
เศรษฐกิจ ทั้งการผลิตและการบริโภค ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2050 สัดส่วนประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น
ร้อยละ 21 ของประชากรโลก สูงกว่าปัจจุบันที่มีสัดส่วนราวร้อยละ 10 ของประชากรโลก
          ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ : บริการดูแลผู้สูงอายุ โรงพยาบาล อาหารเพื่อสุขภาพ/
อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เครื่องจักร/หุ่นยนต์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม
เพื่อทดแทนแรงงาน

 
  หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก PwC  
            การเปลี่ยนขั้วอำนาจเศรษฐกิจโลก (Shift in Global Economic Power)
          จากเดิมที่เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม G7 (สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เยอรมนี
สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี และแคนาดา) แต่ขั้วอำนาจของเศรษฐกิจโลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศ
ตลาดเกิดใหม่ อาทิ กลุ่มประเทศ E7 (จีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก และตุรกี) ซึ่งเศรษฐกิจกำลัง
เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีทรัพยากรสมบูรณ์และมีโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจได้
อีกมาก ทั้งการค้า การลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับจำนวนประชากรมหาศาลและมีระดับ
รายได้ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ในปี 2009 GDP ของ
กลุ่มประเทศ E7 มีขนาดราวสองในสามของ GDP ของกลุ่มประเทศ G7 แต่คาดว่าในปี 2050 GDP ของกลุ่ม
ประเทศ E7 จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจนมีขนาดใหญ่เป็นเกือบสองเท่าของ GDP ของกลุ่ม G7 ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจ
ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นฐานการผลิตและแหล่งแรงงานราคาถูก ก้าวไปสู่การเป็น
ตลาดบริโภคแห่งใหม่ของโลก
          ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ : ธุรกิจส่งออกที่ปรับสินค้าให้สอดคล้องกับรสนิยมการบริโภค
ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม E7 ซึ่งแต่ละประเทศมีรสนิยมและวัฒนธรรมการ
บริโภคที่แตกต่างกัน รวมถึงธุรกิจที่เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ อาทิ สินค้าฟุ่มเฟือย บริการ
สุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
 
  หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก PwC  
            การเติบโตของสังคมเมือง (Accelerating Urbanisation)
          ปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัยอยู่ในเมือง แต่หากย้อนหลังไปในปี 1950 จะพบว่ามีเพียง
ร้อยละ 30 ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง เนื่องด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้วิถีชีวิตของประชากร
ในเมืองมีความสะดวกสบายมากขึ้น อาทิ ระบบคมนาคมขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย
ประชากรที่เคยอาศัยอยู่ในชนบทก็เริ่มย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองมากขึ้น เพื่อแสวงหารายได้และสิ่งอำนวยความสะดวก
ต่างๆ ขณะเดียวกันนโยบายของหลายประเทศที่มุ่งกระจายรายได้และการพัฒนาไปสู่ชนบทมากขึ้น ช่วยยกระดับ
และพัฒนาสังคมชนบทไปสู่การเป็นสังคมเมือง ทำให้คาดว่าในปี 2050 สัดส่วนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจะสูงถึง
ร้อยละ 72 โดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือ (Sub-Saharan Africa) และเอเชีย ที่สังคมเมืองมีแนวโน้ม
พัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว
          ข้อสังเกต : แต่ละประเทศมีนิยามของ “สังคมเมือง” ที่แตกต่างกันออกไป (สามารถดูเพิ่มเติมจากรายงาน
World Urbanization Prospects 2011 Revision, UN) แต่ภาพรวมจะพิจารณาจากจำนวนประชากร ความหนาแน่น
ของประชากรต่อพื้นที่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสิ่งอำนวยความสะดวก
          ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ : ก่อสร้าง/วัสดุก่อสร้าง พลังงาน โทรคมนาคม/อินเทอร์เน็ต
อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า/เครื่องประดับ รถยนต์

 
  หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก PwC  
            การลดลงของทรัพยากรและการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Resource Scarcity and Climate
Change)

          การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ส่งผลให้การบริโภคทรัพยากรต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการ
ใช้พลังงาน ทั้งจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการบริโภคน้ำและอาหาร ที่นับวันทรัพยากรดังกล่าว
มีแต่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การบริโภคทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ มลภาวะที่เกิดจากการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ขยะและของเหลือใช้ที่ไม่ได้ถูก
นำไปรีไซเคิล และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ ทั้งนี้ ประเมินว่าหากรูปแบบการบริโภคทรัพยากร
ยังเป็นดังเช่นปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของโลกและทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น 0.5-1.5 องศา
เซลเซียสในอีก 20 ปีข้างหน้า ตลอดจนยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ อาทิ ฝนแล้ง น้ำท่วม
และการเปลี่ยนแปลงของระดับความเข้มข้นในน้ำทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการเกษตรและการผลิต
อาหารของโลก ดังนั้น ทั่วโลกจึงหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงในภาคธุรกิจ
ที่มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อลดหรือชะลอผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
          ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ : ธุรกิจสีเขียว (ธุรกิจที่ใช้วัสดุหรือมีกระบวนการผลิตที่คำนึง
ถึงสิ่งแวดล้อมหรือควบคุมการปล่อยมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม) บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ พลังงาน
ทางเลือก เกษตร/อาหารอินทรีย์ รีไซเคิลขยะและของเสีย ที่ปรึกษาและออกแบบการผลิตโรงงานที่คำนึง
ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริการวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
 
  หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก PwC  
            ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยี (Technological Breakthroughs)
          การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกไปอย่างมากจากในอดีต ทั้งรูปแบบวิถีชีวิต รวมถึง
การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้
ในกระบวนการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการภายในกิจการ นอกจากนี้ เทคโนโลยียังช่วยให้เกิดธุรกิจใหม่
ได้ง่ายในเพียงชั่วข้ามคืน อาทิ ธุรกิจออนไลน์ โดยอาศัยประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก่อให้เกิด
สังคมเครือข่ายออนไลน์ (Social Network) แพร่หลายดังเช่นในทุกวันนี้ ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดของระยะทาง ทำให้
สามารถทำตลาดได้อย่างไร้ขอบเขต ทั้งนี้ ปัจจุบันประชากรโลกมีอุปกรณ์สื่อสารมากกว่า 1.84 เครื่องต่อคน เพิ่มขึ้น
จาก 0.08 เครื่องต่อคนในปี 2003 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.47 และ 6.58 เครื่องต่อคนในปี 2015 และปี 2020
ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น ธุรกิจ
ในอนาคตจึงควรให้ความสำคัญกับการไขว่คว้าโอกาสจากความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงไม่พลาดที่
จะติดตามทิศทางของเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคผ่านเทคโนโลยีสื่อสาร
ต่างๆ ที่นับวันจะเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
          ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ : ธุรกิจออนไลน์ (ธุรกิจที่ทำตลาดหรือให้บริการผ่าน
อินเทอร์เน็ตหรือสังคมออนไลน์) โทรคมนาคม อุปกรณ์สื่อสาร บริการคอนเทนต์ออนไลน์ พัฒนา
ซอฟต์แวร์/แอพพลิเคชั่น
 
  หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก PwC  
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด