โอกาสของประเทศกำลังพัฒนา
ในตลาดสินค้าพลังงานหมุนเวียน
   
   
            ปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศ ทั้งเพื่อลดการพึ่งพิง
พลังงานฟอสซิล ได้แก่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน รวมถึงเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงไฟฟ้า
พลังงานฟอสซิล อันเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิด
ความต้องการใช้สินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ จากเดิมที่ประเทศ
พัฒนาแล้วมักเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและเป็นผู้ส่งออกสินค้าและบริการประเภทดังกล่าวมายังประเทศกำลังพัฒนา
แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศกำลังพัฒนามีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น
โอกาสของประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศในการส่งออกสินค้าและบริการด้านพลังงานหมุนเวียน โดยแนวโน้ม
สินค้าและบริการที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีดังนี้

          เครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านพลังงานหมุนเวียน…ประเทศกำลังพัฒนาก้าวมามีบทบาทมากขึ้น
          เทคโนโลยีของเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านพลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
และพลังงานชีวมวล ส่วนใหญ่มาจากผู้ผลิตในประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ดังนั้น ที่ผ่านมา
โครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศต่างๆ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์จากประเทศดังกล่าว
เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ
ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันบางประเทศมีศักยภาพในการส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านพลังงาน
ตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่
          จีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกแผงโซลาร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคาดว่าจีนจะส่งออกแผงโซลาร์ราว
22-23 กิกะวัตต์ในปี 2556 จากความต้องการนำเข้าทั่วโลกที่ราว 35 กิกะวัตต์ ทั้งนี้ ความสำเร็จของจีนมาจาก
การที่จีนมีอุตสาหกรรมผลิตโพลีซิลิกอน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตโซลาร์เซลล์ ประกอบกับจีนมีผู้ผลิตแผง
โซลาร์ถึงกว่า 400 แห่ง อีกทั้งนโยบายด้านพลังงานในประเทศให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสง
อาทิตย์ โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ปีละ 10 กิกะวัตต์ ในช่วงปี 2556-2558 ทำให้
จีนจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 35 กิกะวัตต์ ในปี 2558 มากกว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจาก
พลังงานแสงอาทิตย์ของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปี
2555 ด้วยกำลังการผลิต 32 กิกะวัตต์
 
  “กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น
เป็น 101 กิกะวัตต์ในปี 2555 โดยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากในปี 2555
มาจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น”
 
            อินเดียเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมรายสำคัญของโลก ครองส่วนแบ่งตลาดส่งออก
อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมราวร้อยละ 12 ขณะที่บริษัท Suzlon Energy ของอินเดีย ถือเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์
ด้านพลังงานลมอันดับ 3 ของโลก ความสำเร็จของอินเดียมาจากการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมใน
ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดในประเทศ ทั้งนี้
อินเดียเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และคาดว่าจะสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก
ในปี 2573 ดังนั้น นโยบายด้านพลังงานหมุนเวียนจึงมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของอินเดีย

          นอกจากจีนและอินเดียที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านพลังงานหมุนเวียนแล้ว
ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวเช่นเดียวกัน อาทิ มองโกเลียเริ่มส่งออกแผง
โซลาร์ไปญี่ปุ่นในปี 2555 โดยบริษัท Sankou Solar Mongolia ซึ่งตั้งขึ้นในปี 2554 ขณะที่พลังงานสะอาดอื่นๆ
เช่น เทคโนโลยีอนาคตอย่างเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) สำหรับใช้ในยานยนต์ ก็ถือเป็นโอกาสของประเทศพัฒนา
หลายประเทศ อาทิ บราซิลซึ่งมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
และตั้งเป้าส่งออกรถบรรทุกที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในอนาคตอันใกล้ ขณะที่แอฟริกาใต้มีโอกาสส่งออกแร่แพลตินัม
ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซลล์เชื้อเพลิง เนื่องจากแอฟริกาใต้เป็นแหล่งแร่แพลตินัมสำคัญสัดส่วนถึงร้อยละ
75 ของปริมาณแร่แพลตินัมทั่วโลก

          พลังงานไฟฟ้า…กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศกำลังพัฒนา
          พลังงานไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มี
ภูมิประเทศเหมาะสมกับการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่ สปป.ลาว ซึ่งในปี 2554 ส่งออก
พลังงานไฟฟ้าเป็นสัดส่วนร้อยละ 9 ของมูลค่าส่งออกทั้งประเทศ โดยการส่งออกดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการป้อน
พลังงานไฟฟ้าให้ไทยกว่า 1 หมื่นกิกะวัตต์ชั่วโมง เช่นเดียวกับภูฏานที่สร้างรายได้เข้าประเทศถึงร้อยละ 30 จาก
การส่งออกไฟฟ้าจากเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไปอินเดีย และยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนอีก 8 แห่ง เพื่อเพิ่มสัดส่วน
รายได้เข้าประเทศเป็นร้อยละ 40 ภายในปี 2561 สำหรับทวีปแอฟริกา คองโกเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของประเทศที่มี
ศักยภาพในการส่งออกพลังงานไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ Grand Inga แบ่งเป็น
โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 6 แห่ง (Inga III-XIII) กำลังการผลิตรวม 4 หมื่นเมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะ
กลายเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะกลายเป็นฐานการผลิตไฟฟ้าสำคัญสำหรับทวีปแอฟริกา ปัจจุบันโครงการ
ดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรก (Inga III) กำลังการผลิต 4.8 พันเมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งออก
ไฟฟ้าไปแอฟริกาใต้ 2.5 พันเมกะวัตต์ ที่เหลือเป็นการป้อนให้กับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในประเทศ คาดว่าจะสามารถ
ผลิตไฟฟ้าป้อนเข้าระบบได้ในปี 2563 ทั้งนี้ บางประเทศอาจมีโอกาสส่งออกไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นด้วย
เช่นกันในอนาคต อาทิ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าจากพลังงานลมจากประเทศมองโกเลีย และไฟฟ้า
จากพลังงานความร้อนใต้พิภพจากเคนยา เป็นต้น

          เชื้อเพลิงชีวภาพ...โอกาสทองของประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกพืชพลังงาน
          เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากผลผลิตทางการเกษตร อาทิ เอทานอล และไบโอดีเซล ถือเป็นพลังงานสำคัญ
ที่ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงหลักอย่างน้ำมัน ประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกพืชพลังงาน เช่น
ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง และพืชน้ำมัน และไม่มีปัญหาการขาดแคลนพื้นที่เพาะปลูกพืชอาหาร จึงมีโอกาส
ส่งออกเชื้อเพลิงชีวภาพดังกล่าวไปยังประเทศอื่นที่มีนโยบายใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ปัจจุบันบราซิลเป็นประเทศ
ผู้ส่งออกเอทานอลรายสำคัญที่สุดของโลก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตอ้อยรายใหญ่สุดของโลก โดยส่งออกเอทานอล
ถึง 3.05 พันล้านลิตรในปี 2555 ขณะที่ตลาดไบโอดีเซล ประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก ได้แก่ อาร์เจนตินา
มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยอาร์เจนตินาใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล ขณะที่มาเลเซียและ
อินโดนีเซียใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบ

          บริการด้านพลังงานหมุนเวียน...โอกาสต่อเนื่องของประเทศที่พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน
มาระยะหนึ่ง

          บริการด้านพลังงานหมุนเวียนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ ซึ่งในระยะเริ่มแรกผู้ให้
บริการส่วนใหญ่มักเป็นเจ้าของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน หรือเป็นผู้พัฒนาโครงการในประเทศพัฒนาแล้วที่มี
ประสบการณ์ แต่ปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการในประเทศกำลังพัฒนาหลายรายมีประสบการณ์มากขึ้นจนสามารถที่จะ
ให้บริการนอกประเทศได้ ตัวอย่างในกรณีของไทย เช่น ผู้พัฒนาโครงการประเภทชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และพลังงาน
แสงอาทิตย์ เริ่มหาตลาดในการรุกประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่เชี่ยวชาญด้านโรงไฟฟ้า
พลังน้ำ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ก็มีโอกาสรับงานในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

          การที่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของไทยขยายตัวสูงในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างโอกาสให้กับผู้ให้
บริการด้านพลังงานหมุนเวียนของไทยสะสมประสบการณ์จนสามารถรุกตลาดเพื่อนบ้านได้แล้ว ผู้ประกอบการไทย
ยังมีศักยภาพในการส่งออกเอทานอลและไบโอดีเซล เนื่องจากมีความพร้อมทั้งวัตถุดิบทางการเกษตร ได้แก่ อ้อย
มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อีกทั้งอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลและไบโอดีเซลมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โอกาสด้านการส่งออกไฟฟ้านั้นมีจำกัด เนื่องจากยังมีความต้องการนำเข้ามากกว่าที่จะเหลือส่งออก
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
 
  ภาพประกอบจาก www.sxc.hu การเผยแพร่ภาพนี้เพื่อแนะนำข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ