ส่องอุตสาหกรรมรองเท้าในกัมพูชา...
โอกาสขยายฐานการผลิตของผู้ประกอบการไทย

 
   
            อุตสาหกรรมรองเท้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของกัมพูชา ด้วยมูลค่าส่งออกราว 270 ล้านดอลลาร์
สหรัฐต่อปี และเป็นแหล่งจ้างงานราว 7 หมื่นคน ขณะเดียวกันยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำและ
สิทธิพิเศษทางภาษี จึงนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายฐานการลงทุนอุตสาหกรรมรองเท้าไป
กัมพูชา เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้นและภาวะแรงงานตึงตัว อีกทั้งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
2558 ยังต้องเผชิญกับการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีจากสหภาพยุโรป (European Union: EU) อีกด้วย

          ภาพรวมอุตสาหกรรมรองเท้าของกัมพูชา
          อุตสาหกรรมรองเท้าเป็นภาคการผลิตสำคัญที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง รอง
จากอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในปี 2556 มีโครงการลงทุนผลิตรองเท้าที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา (Cambodian Investment Board: CIB) จำนวน 14 โครงการ มากเป็นอันดับ 2
รองจากการลงทุนผลิตสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีจำนวน 73 โครงการ ส่งผลให้ปัจจุบันกัมพูชามีโรงงานผลิต
และส่งออกรองเท้าราว 60 โรงงาน ตลาดส่งออกสำคัญ คือ EU ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทั้งนี้ การลงทุนในอุตสาหกรรม
รองเท้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากไต้หวัน มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนโครงการลงทุนผลิตรองเท้าของ
ต่างชาติทั้งหมดในกัมพูชา รองลงมาคือ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนไทยที่ได้รับอนุมัติโครงการลงทุน
มีจำนวน 4 ราย คือ บริษัท Combo Shoes บริษัท Dance Supply บริษัท Aerosoft Summit Footwear และบริษัท
DSL2 Enterprise โรงงานผลิตรองเท้าส่วนใหญ่มักตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ
โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญและพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากสามารถขนส่งสินค้าต่อไปยังท่าเรือสีหนุวิลล์ซึ่ง
อยู่ห่างออกไปราว 230 กิโลเมตรเพื่อส่งออกไปต่างประเทศได้สะดวก ขณะที่การลงทุนบางส่วนอยู่ในเขตเศรษฐกิจ
พิเศษที่ติดชายแดนเวียดนาม อาทิ เขตเศรษฐกิจพิเศษ Manhattan Special Economic Zone ในจังหวัดสวายเรียง
ซึ่งสามารถส่งออกไปต่างประเทศผ่านท่าเรือน้ำลึก Cai Mep ในจังหวัด Ba Ria-Vung Tau ของเวียดนาม ซึ่งอยู่
ห่างออกไปราว 80 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม กัมพูชายังไม่มีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งเส้นทาง
คมนาคมยังไม่ค่อยสะดวก ถนนหลายช่วงยังเป็นถนนไม่ได้ลาดยาง ดังนั้น การเลือกลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีระบบสาธารณูปโภคค่อนข้างพร้อมและห่างจากท่าเรือขนส่งสินค้าไม่มากนักจะช่วยขจัด
อุปสรรคดังกล่าวได้
 
            ปัจจัยเกื้อหนุนการลงทุนอุตสาหกรรมรองเท้าในกัมพูชา
          • กัมพูชามีความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง
ขั้นต่ำในอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มาอยู่ที่ระดับ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งเมื่อ
รวมกับเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพอีก 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทำให้ค่าจ้างแรงงานรวมอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ
(ราว 3,250 บาท) ต่อเดือน แต่อัตราค่าจ้างดังกล่าวยังต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชีย รวมทั้งไทยที่กำหนด
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่ 300 บาทต่อวัน อีกทั้งไทยยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานด้วย
          • กัมพูชาได้รับสิทธิพิเศษในการส่งออกไปตลาดสำคัญ โดยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็น
การทั่วไป (Generalized System of Preferences: GSP) จากประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐฯ EU ญี่ปุ่น และ
ออสเตรเลีย เป็นต้น เนื่องจากกัมพูชาจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับการพัฒนาน้อยที่สุุด (Least Developed
Countries: LDCs) โดยเฉพาะ EU ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ Everything But Arms (EBA) ส่งผลให้
รองเท้าที่ส่งออกจากกัมพูชาได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าและไม่มีการกำหนดโควตานำเข้าจาก EU ขณะที่ EU ได้
ประกาศตัดสิทธิ GSP ของสินค้าไทยทุกรายการ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งจะส่งผลให้การ
ส่งออกรองเท้าจากไทยไป EU ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้น อาทิ รองเท้าแตะและรองเท้าใส่ภายในบ้าน
จะเสียภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 8.0 จากอัตราเดิมที่ได้รับสิทธิ GSP ที่ร้อยละ 4.5 และรองเท้าผ้าใบจะเสียภาษี
นำเข้าในอัตราร้อยละ 17.8 จากอัตราเดิมที่ได้รับสิทธิ GSP ที่ร้อยละ 7.8 เป็นต้น ดังนั้น กัมพูชาจึงเป็นประเทศ
ที่น่าสนใจของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายฐานการผลิตรองเท้าเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว
          • รัฐบาลกัมพูชาให้การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมรองเท้า เพื่อสร้างการจ้างงานด้วยการให้
สิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ ยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบและส่วนประกอบของรองเท้า และลดหย่อนภาษีสำหรับการ
นำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก เป็นต้น โดยนักลงทุนต่างชาติสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์
ดังกล่าวได้จาก CIB นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชายังอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกิจการผลิต
รองเท้าได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องร่วมทุนกับชาวกัมพูชาเหมือนบางอุตสาหกรรม เช่น โรงสีข้าว การผลิตและแกะ
สลักไม้และหิน และกิจการด้านวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด