สำรวจโอกาสขยายตลาด
อัญมณีและเครื่องประดับของไทยในอินโดนีเซีย

 
   
            อินโดนีเซียเป็นตลาดอัญมณีและเครื่องประดับที่น่าสนใจ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่าง
แข็งแกร่งด้วยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปีในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
เฉลี่ยร้อยละ 6.4 ต่อปีในช่วงปี 2558-2561 ซึ่งจะเกื้อหนุนกำลังซื้อของชาวอินโดนีเซียที่มีจำนวนกว่า 240 ล้านคน
มากที่สุดในอาเซียนและมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ทั้งนี้ The Economist Intelligence Unit (EIU) คาดการณ์
รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 70 จาก 3,460 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 เป็น
5,820 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 อันจะมีส่วนกระตุ้นให้ความต้องการบริโภคสินค้า รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ
ของอินโดนีเซียขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับใน
อินโดนีเซียมีดังนี้
          • ชนิดของอัญมณีและเครื่องประดับนำเข้าสำคัญของอินโดนีเซีย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซีย
นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับเฉลี่ย 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 16 ต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการ
นำเข้าทองคำและโลหะเงินซึ่งมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่านำเข้าทั้งหมด ที่เหลือเป็นการนำเข้าอัญมณีและ
เครื่องประดับสำเร็จรูป ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณีเทียม เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง และเครื่องประดับจาก
ไข่มุก สำหรับสินค้าสำคัญที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ เครื่องประดับเงินแท้ โลหะเงิน และเครื่องประดับอัญมณีเทียม
          • รสนิยมการเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับค่อนข้างหลากหลาย ตามความแตกต่างทางเชื้อชาติ
และศาสนา ทั้งนี้ สามารถแบ่งกลุ่มผู้ซื้ออัญมณีและเครื่องประดับในอินโดนีเซีย ดังนี้
             - ชาวมุสลิมสมัยใหม่ มีจำนวนราว 40 ล้านคน เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นคน
หนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงาน ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อเครื่องประดับที่เหมาะกับสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้า
รวมทั้งมีราคาสมเหตุสมผล โดยนิยมอัญมณีและเครื่องประดับเทียมประเภทพลอย เงิน และมุก รวมทั้งเครื่องประดับ
ทองที่มีทองคำบริสุทธิ์ผสมอยู่ไม่มากนัก แต่เน้นลวดลายที่เข้ากับเสื้อผ้าได้ง่ายและสามารถใช้ได้ในหลายโอกาส
อาทิ เข็มกลัดผ้าคลุมผมที่สามารถนำมาใช้เป็นเข็มกลัดติดเสื้อได้ด้วย
             - ชาวจีนในอินโดนีเซีย มีจำนวนราว 15 ล้านคน เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ค่อนข้างสูง นิยม
เครื่องประดับประเภทเพชรหรือพลอยบนตัวเรือนโลหะสีขาว โดยเฉพาะที่ทำจากทองคำขาวหรือแพลทินัมมากกว่า
ทองคำหรือโลหะสีทองเพื่อความปลอดภัย โดยเน้นการออกแบบที่มีดีไซน์เฉพาะตัว เรียบหรู และสีไม่ฉูดฉาด
             นอกจากนี้ หากเป็นผู้บริโภคระดับบน ซึ่งมีรายได้สูง นิยมเครื่องประดับแท้ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน
และกำไลที่มีดีไซน์ทันสมัย หรูหรา และบ่งบอกฐานะ โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงตกแต่งด้วย
เพชรหรือพลอยน้ำงาม รวมถึงเครื่องประดับแท้จากแบรนด์ชั้นนำของอิตาลีและฝรั่งเศส และนิยมเครื่องประดับที่เข้า
ชุดกัน
          • โอกาสเจาะตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอินโดนีเซีย ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสนใจ
กับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเป็นลำดับแรก ทั้งผู้บริโภคระดับบนและชาวจีนในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเน้นเจาะ
ตลาดเครื่องประดับแท้คุณภาพสูง ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้แก่ เครื่องประดับทองคำ
เครื่องประดับทองคำขาวที่ตกแต่งด้วยเพชร และเครื่องประดับเงินแท้ ขณะที่กลุ่มชาวมุสลิมสมัยใหม่ก็เป็นตลาด
ที่น่าสนใจ เนื่องจากมีจำนวนมากและอยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นวัยที่ชอบแต่งตัวและใช้เครื่องประดับโดยเน้นสินค้าที่
ราคาไม่สูงมาก เช่น เครื่องประดับเงินชุบหรือเคลือบด้วยทอง รวมทั้งเครื่องประดับเงินหรือทองคำขาวที่ประดับด้วย
เพชรขนาดเล็กหรือพลอยสีที่ราคาไม่สูงนัก แต่สามารถเพิ่มความเรียบหรูและทันสมัยมากขึ้น หรือการดีไซน์ที่
แตกต่างจากกลุ่มเครื่องประดับแฟชั่นทั่วไปที่มักตกแต่งด้วยอัญมณีสังเคราะห์ ทั้งนี้ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
ของไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของชาวจีนและชาวมุสลิมในอินโดนีเซีย โดยมองว่าสินค้าไทยมีคุณภาพ ฝีมือ
ประณีต และราคาสมเหตุสมผล อีกทั้งไทยและอินโดนีเซียไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
ระหว่างกันเนื่องจากอยู่ภายใต้กรอบอาเซียน ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยไป
อินโดนีเซียได้เปรียบเหนือคู่แข่งจากประเทศนอกอาเซียน
          • ช่องทางการกระจายสินค้าและการประชาสัมพันธ์ ร้านค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับในห้าง
สรรพสินค้าเป็นช่องทางสำคัญในการจัดจำหน่ายสินค้าแก่กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงทั้งชาวจีนและชาวมุสลิม ซึ่ง
นิยมเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อาทิ ห้าง Grand Indonesia และ Plaza
Senayan ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นศูนย์รวมอัญมณีและเครื่องประดับนำเข้าจากทั่วโลก
รวมทั้งสินค้าพรีเมียม โดยเฉพาะเครื่องประดับแท้คุณภาพสูงจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจ
อินโดนีเซียที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเป็นเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่รอบกรุงจาการ์ตา รวมทั้ง
เมืองสำคัญบนเกาะชวาที่ประชากรมีกำลังซื้อสูงขึ้น อาทิ เมืองสุราบายา เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจสำคัญใน
จังหวัดชวาตะวันออก ส่งผลให้มีการขยายสาขาหรือเปิดสาขาใหม่ของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าชุมชน
(Community Mall) หลายแห่ง ซึ่งทำให้ร้านค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับมีช่องทางในการขยายสาขาตามไปด้วย
และเป็นปัจจัยเกื้อหนุนการขยายตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปยังเมืองสำคัญผ่านช่องทางดังกล่าว
นอกจากนี้ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอินโดนีเซียถือเป็นโอกาสที่ดีในการประชาสัมพันธ์
และเป็นช่องทางสำคัญในการหาคู่ค้าเพื่อขยายตลาดในอินโดนีเซียอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีการจัดงานแสดง
สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ คือ งาน Jakarta International Jewellery Fair (JIJF) ซึ่งจัดขึ้นในช่วง
เดือนพฤษภาคม และงาน Surabaya International Jewellery Fair (SIJF) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของ
ทุกปี
 
  Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไป
เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่
รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด